อินโดนีเซียเข้าร่วมสัญญาควบคุมยาสูบ
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2556
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
อินโดนีเซียเข้าร่วมสัญญาควบคุมยาสูบ
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยข่าวที่รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย นาฟเซียห์ เอ็มบอย ประกาศว่าอินโดนีเซียจะลงสัตยาบันอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้อินโดนีเซียเป็นประเทศเดียวในอาเซียนและเป็นหนึ่งใน 19 ประเทศในโลกที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาควบคุมยาสูบโลก ซึ่งขณะนี้มี 177 ประเทศทั่วโลกซึ่งครอบคลุมร้อยละ 87.9 ของประชากรโลกได้ให้สัตยาบันแล้ว และมี 19 ประเทศที่ยังไม่ได้ลงสัตยาบัน โดยในหกภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก มีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตะวันตกที่ลงสัตยาบันครบทุกประเทศ ภูมิภาคอเมริกายังไม่ลงสัตยาบัน 6 ประเทศ ได้แก่ อาเจนตินา คิวบา โดมินีกันรีพับบลิค เอลซัลวาดอลร์ ไฮติและสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคอัฟริกามี 5 ประเทศได้แก่ เอธิโอเปีย มาลาวี โมซัมบิค ซิมบับเวย์ และ อิริเทรีย ภูมิภาคเอ็มโร ได้แก่ โทรอคโค โซมาเรีย และซูดานโต้ ภูมิภาคยุโรป 4 ประเทศ ได้แก่ แอนดอรา ลิชเทนสไตน์ โมนาโคและสวิสเซอร์แลนด์ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่อินโดนีเซีย
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่อินโดนีเซียจะลงสัตยาบันอนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ เพราะจะทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นรัฐภาคีอนุสัญญาครบทุกประเทศ ทำให้ความร่วมมือในการควบคุมยาสูบของภูมิภาคอาเซียนมความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมา อินโดนีเซียจะเข้าร่วมประชุมเวทีอนุสัญญาในฐานะประเทศผู้สังเกตการณ์ ทำให้มีบทบาทส่วนร่วมน้อย ซึ่งประเทศที่ร่วมลงสัตยาบันมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติมาตรการต่าง ๆ ของอนุสัญญาเพื่อคุ้มครองสุขภาพทั้งชนรุ่นปัจจุบันและในอนาคตจากอันตรายร้ายแรงของยาสูบ การลงสัตยาบันจะเป็นประโยชน์ต่ออินโดนีเซียเองที่ขณะนี้มีผู้สูบบุหรี่ถึง 60 ล้านคน สูงมากเป็นอันดับที่สามของโลก รองจากจีนที่มีผู้สูบบุหรี่กว่า 300 ล้านคน และอินเดียที่สูบบุหรี่ 130 ล้านคนและเคี้ยวยาเส้น 90 ล้านคน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับเหตุผลที่การลงสัตยาบันของอินโดนีเซียล่าช้าเพราะก่อนหน้านี้มีสามกระทรวงหลักที่คัดค้าน อันได้แก่ กระทรวงการค้า กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ โดยเกรงง่าการลงสัตยาบันจะกระทบต่อชาวไร่ยาสูบและรายได้ของรัฐ โดยมีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติยุยงอยู่เบื้องหลัง แต่ปัจจุบันนี้ทุกกระทรวงได้เห็นด้วยกับการลงสัตยาบันแล้ว เพื่อประโยชน์ในการลดผลกระทบด้านสุขภาพของชาวอินโดนีเซียจากการสูบบุหรี่ ที่มีสภาวะรุนแรงในอันดับต้น ๆ ของโลกในขณะนี้ โดยเพศชายสูบบุหรี่ 6.1 % เพศหญิง 5% และยาสูบเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหนึ่งในห้าของเพศชายอินโดนีเซีย
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โทร. 0-2278-1828 / 08-1822-9799