ว่าด้วยหนังกับบุหรี่ "เรื่อง Every Thing Be Fine" ตอนที่ 1
คอลัมน์พลังหมึก
ทอมัสเป็นคนเงียบขรึม รักสันโดษ ชอบครุ่นคิด ในขณะเดียวกันก็เป็นคนใจเย็น เก็บงำความรู้สึกและไม่ตื่นเต้นกับอะไรง่ายๆ เขาภาวนาให้รถหยุดทัน ค่อยๆ เปิดประตูลงจากรถมาดู
ที่หน้ารถ เด็กชายอายุประมาณ 3-4 ขวบ นั่งนิ่งไม่ไหวติง
ทอมัสถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชวนเด็กคุยเด็กไม่คุย ถามอะไรเด็กไม่ตอบ สายตาเหม่อลอยตรงไปข้างหน้า ทอมัสมองขึ้นไปบนเนินพบบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่
ทอมัสพาเด็กเดินขึ้นเนิน ในตอนแรกจูงเดินไปด้วยกัน สักพักจึงอุ้มขึ้นขี่คอ
เมื่อถึงหน้าบ้านหลังนั้น ทอมัสวางเด็กลง สังเกตเห็นหน้าบ้านติดรูปวาดของเด็กชายเป็นรูปแม่ 1 เด็ก ๆ 2 เขาชะงักครู่หนึ่ง แล้วเคาะประตู เป็นแม่ของเด็กชายเปิดประตูออกมา
"น้องหายไปไหน! แม่ถามเด็กชายด้วยสีหน้าตกใจ สายตามองลงไปข้างล่างเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่กลางถนนที่มีหิมะปกคลุม เธอวิ่งลงเนินไปทันที
จบช่วงแรก
หนังกำกับโดยผู้กำกับชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งขอโลก คือ วิม เวนเดอร์ส ปัจจุบันอายุ 72 ปี เจ้าของผลงาน Wings of Desire และ Faraway,So Close ที่รู้จักกันดี เรื่องนี้เป็นหนังปี 2015 หลังจากที่เขาไม่ได้สร้างหนังดราม่ามานาน 7 ปี แม้ว่าจะใช้นักแสดงฮอลลีวู้ดอย่างเจมส์ ฟรังโก และราเชล แม็คอดัม แต่ก็ยังคงสไตล์การทำหนังแบบยุโรป เล่าเรื่องเนิบช้า เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
เจมส์ ฟรังโก รับบททอมัส เขาเขียนนวนิยายมาแล้วสองเล่ม และกำลังอยู่ระหว่างความพยายามที่จะเขียนเล่มที่สาม ในขณะเดียวกันเขากับภรรยา ซาร่า ซึ่งรับบทโดยราเชล แม็คอาดัมส์ ก็กำลังตัดสินใจหย่า ตัวเขาเป็นนักเขียน ไม่สนใจอะไรมากนักนอกจากการเขียน เป็นคนอยู่ด้วยยาก เพราะชอบเก็บงำความรู้สึก และที่สำคัญคือ เขาไม่สามารถให้บุตรแก่ชาร่าได้
ฝ่ายซาร่า แม้ว่าจะไม่ถือสาอะไรทอมัสมากนัก และพยายามปลอบประโลมเขาให้ยอมรับสภาพไม่มีบุตรของทั้งสอง เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาชีวิตสมรสไว้ด้วย เธอยังคงร้กผู้ชายคนนี้โดยไม่มีเงื่อนไข
แต่อุบัติเหตุวันนั้นในฤดูหนาวทำให้ชีวิตสมรสของทอมัสและซาร่าสิ้นสุดไปด้วย
ในเวลาต่อมา ทอมัสไปพบบรรณาธิการหนังสือของเขา ทุกคนที่รู้จักเขา ทราบเรื่องดีและพูดกับเขาว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของเขา
ทอมัสกำลังเริ่มต้นเขียนหนังสืออีกครั้งหนึ่ง ระหว่างทางกลับออกมาจากสำนักพิมพ์ เขาได้พบกับแม่หม้ายลูกติดคนหนึ่งในลิฟท์ชื่อแอน รับบท Marie-Josee Croze โดยนักแสดงฝรั่งเศสเจ้าของรางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมจากเมืองคานส์ เช่นกัน
ทอมัสไม่แน่ใจว่าตนเองกลับมาทำไม เขาให้นามบัตรแก่เคทและบอกว่าถ้ามีอะไรให้เขาช่วยเหลือกรุณาโทรหาด้วย เขายินดีช่วยเหลือทุกอย่าง
เคทโทรศัทพ์กลับมาจริงๆ ในตอนกลางดึก
ทอมัสกลับไปพบเคทอีกครั้งหนึ่ง สองคนพูดคุยกันตลอดทั้งคืน ทอมัสสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กชายที่เขาพาขี่คอ เด็กชายชื่อคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์วาดรูปผู้ชายคนหนึ่งพาเด็กขี่คอเดินขึ้นเนิน
ที่เด็กเล็กกลัวมากที่สุด คือ กลัวถูกทอดทิ้ง เสี้ยววินาทีที่คริสโตเฟอร์เล่นล้อเลื่อนหิมะอย่างสนุกสนาน เราไม่รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเป็นเพราะคริสโตเฟอร์รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ล้อเลื่อนเลื่อนลงมาบนถนนแล้วน้องก็หายไปจากโลกในทันที มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วพาขี่คอกลับไปหาแม่ โลกของเด็กเล็กไม่มีใครนอกจากแม่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทอมัสเป็นคนที่พาเขากลับไปหาแม่
เคทเล่าว่าเย็นวันนั้นเธอกำลังเพลินกับการอ่านนวนิยายของวิลเลียม ฟอล์คเนอร์อย่างหลงใหลจนลืมดูเวลา เธอควรเอาเด็กๆ กลับเข้าบ้านแต่กลับไม่ได้ทำ เคทเอาหนังสือของฟอล์คเนอร์ออกมาฉีกแล้วเผาทิ้ง
ตอนเช้า ทอมัสกล่าวอำลา แล้วพูดว่าเราสองคนไม่ควรพบกันอีก
เวลาผ่านไปอีกหลายปี ทอมัสแต่งงานกับแอน แม่หม้ายลูกติดที่พบกันที่สำนักพิมพ์ครั้งนั้น เขาเป็นนักเขียนมีชื่อเสียงและรายได้ดี แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รับจดหมายจากคริสโตเฟอร์
ทอมัสยอมพบคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์เป็นเด็กหนุ่มแล้ว มีทีท่าสับสน เขาเล่าว่าเขาโอเคแต่ก็ต้องพบนักจิตวิทยาและนักจิตวิทยาแนะนำให้เขาได้มาพูดคุยกับทอมัสสักครั้ง คริสโตเฟอร์มีท่าทีรุกราน และถามว่าในนวนิยายเล่มใหม่มีฉากบรรยายถึงชายที่เอาเด็กขี่คอ นั่นคือทอมัสและตัวเขาใช่หรือเปล่า
ทอมัสทำใจกับอดีตที่ตัวเองทำผิดพลาดไปแล้ว และรู้สึกไม่เป็นสุขที่ยินยอมพบกับคริสโตเฟอร์ในวันนี้ เขาตอบว่าผู้ใหญ่ทุกคนก็เอาเด็กขี่คอได้เป็นเรื่องธรรมดา เขาขอตัวคริสโตเฟอร์ และว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้น
เมื่อคริสโตเฟอร์พ้นจากเด็กเล็กเป็นเด็กโต แล้วก็เป็นวัยรุ่น เขามิได้กลัวถูกทอดทิ้งเหมือนเด็กเล็กอีกแล้ว เด็กโตมีแนวโน้มจะโทษตนเองในเรื่องที่เกิดขึ้น เราไม่รู้ว่าเย็นวันนั้นคริสโตเฟอร์ รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือตั้งใจพาน้องลงเนินไป เวลานั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องตายแล้ว เพราะความตายคือ อะไรก็ไม่ชัดเจนในเด็กเล็กก่อน 9 ขวบ แต่แล้ววันหนึ่ง คริสโตเฟอร์ก็จะรับรู้ว่าเขาเป็นต้นเหตุให้น้องตาย
พอถึงวัยรุ่น บัดนี้กลไกป้องกันตัวทางจิตของมนุษย์ซับซ้อนขึ้นอีกระดับหนึ่ง การโทษตัวเองไม่สิ้นสุดสามารถนำไปสู่การโทษคนอื่น เพราะการโทษตนเองนั้นเหลือทนอีกต่อไปแล้วและไม่สามารถบำบัดหรือปัดเป่าความผิดไปพ้นตัวได้ ทอมัสเป็นคนขับรถชน ยิ่งไปกว่านั้นยังเอาเรื่องนี้ไปเขียนหนังสือขายดีเสียอีก
คริสโตเฟอร์สะกดรอยตามทอมัส พอเขาประชิดตัวเอาเป้ลงแล้วล้วงของข้างในออกมา ที่แท้เขาต้องการให้ทอมัสเซ็นชื่อในหนังสือนวนิยายทุกเล่มของทอมัสที่เขาสะสมเอาไว้ ทอมัสหยิบปากกามาเซ็นชื่อหนังสือให้ทุกเล่มด้วยกิริยาไม่เต็มใจระคนกระแทกกระทั้น จากนั้นเดินจากไป
(อ่านตอนจนฉบับหน้า)
เล่าเรื่องโดย นพ.ประเสิรฐ ผลิตผลการพิมพ์ กองบรรณาธิการ Smartonline
วันที่ 21 กันยายน 2560