ว่าด้วยหนังกับบุหรี่ "เรื่อง Every Thing Will Be Fine" ตอนที่ 2

คอลัมน์พลังหมึก

ต่อจากฉบับที่แล้ว  ข้อเขียนนี้เปิดเผยเนื้อเรื่องเกือบทั้งหมดยกเว้นตอนจบ 

ทอมัสแจ้งตำรวจ คืนนั้นแอนพาลูกสาวออกจากบ้านไปที่ค้างคืนที่อื่น เหลือทอมัสเฝ้าบ้านแต่ผู้เดียว 

ในครัวสว่าง มองเห็นได้จากภายนอก ในเงามีดรอบบ้าน ใครบางคนเฝ้าดูอยู่

บัดนี้ชายผู้ให้เด็กน้อยคริสโตเฟอร์ขี่คอไม่ใจดีอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นคนใจร้าย ความหวาดกลัวที่จะถูกทอดทิ้งกลายเป็นจริง คุยด้วยก็ไม่เต็มใจคุย เซ็นหนังสือให้ก็ไม่เต็มใจเซ็น การโทษตนเองของคริสโตเฟอร์แปรเปลี่ยนเป็นการโทษคนอื่น คนใจร้ายที่ทำน้องตายยังไม่พอ ยังบังอาจทอดทิ้งเขาได้อีก ถึงเวลาพิพากษา 

หาหนังดูตอนจบกันเอง 

หนังดีมาก เล่าเรื่องเชื่องช้าแต่มีความหมายทุกบททุกตอน 

นักแสดงหญิงสามคนเรียงหน้าเข้ามาเติมสีสันและความเข้มข้นให้แก่เนื้อเรื่อง 

ราเชล แม็คอาดัมส์ เล่นหนังหลากหลาย เคยได้รับการเสนอชื่อนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์จาก Spotlight ครั้งนี้เธอมารับบทภรรยาที่ไม่สามารถมีบุตรให้แก่สามี แม้ว่าเธอจะรับรู้แล้วว่าฝ่ายที่ไม่สามารถมีได้คือสามี แต่เธอไม่เคยตัดพ้อด้วยวาจา และยังคงรักเขาอย่างที่เขาเป็น เป็นฝ่ายทอมัสเองที่หาเรื่องที่จะเลิกโดยอ้างถึงความไฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียน 

กลไกทางจิตของคู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรนั้นซับซ้อน ต่างฝ่ายต่างโทษตนเองหรือโทษกันไปมาโดยไม่รู้ตัว แล้วอ้างเหตุผลที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างเพื่อความสบายใจอย่างซับซ้อน เช่น ทอมัสอ้างเรื่องอนาคตของตัวเองทั้งที่เป็นไปได้ว่าเขาต้องการเลิกจริงๆ ด้วยสาเหตุอื่น ในทางตรงข้ามทอมัสก็อาจจะทำตัวเป็นวีรบุรุษผู้เสียสละ ยินยอมอยู่กินกันต่อไปเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองมีความรับผิดชอบ หรือทอมัสอาจจะติดพันหญิงอื่นเพื่อพิสูจน์ความเป็นชายของตัวเองโดยอ้างว่าภรรยาเต็มใจเป็นต้น 

เพียงแค่กลไกทางจิตของฝ่ายชายคนเดียวยังซับซ้อนเพียงนี้ หากนับรวมกลไกทางจิตของฝ่ายหญิงและพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายแล้ว กรณีมีบุตรยากเป็นกรณีที่สร้างความสับสนแก่จิตใจได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง 

ทอมัสพบซาร่าในหลายปีให้หลัง หลังจากที่ตัวเองแต่งงานใหม่กับแอนแล้ว ในงานแสดงดนตรีครั้งหนึ่งทอมัสลุก ออกจากงานแสดงกลางคันตามนิสัยขี้เบื่อของตัวเอง เป็นซาร่าที่ลุกออกจากที่นั่งชั้นบนลงมา รอพบเขา บทนี้ราเชล แม็คอาดัมส์แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก สายตาที่ตัดพ้อ ริมฝีปากที่เข้มแข็ง คำพูดที่ให้อภัย แต่แล้วก็ตบหน้าทอมัสไปสองครั้ง แสดงถึงความเจ็บปวดที่ฝ่ายชายกระทำต่อเธออย่างถึงที่สุด

ซาร่าแต่งงานใหม่ มีลูกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ไม่ดีหรอกหรือที่ทอมัสขอแยกทาง?

เคทเป็นหม้ายเช่นกัน หนังมิได้เอ่ยถึงสามีหรือพ่อของคริสโตเฟอร์เลย เธอเป็นแม่ของลูกเล็กมากสองคนที่ละเลยหน้าที่ของตัวเอง มัวแต่อ่านหนังสือนวนิยายจนลืมดูแลลูกแล้วนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ถอนคืนไม่ได้ แน่นอนว่าเธอโทษตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านไป 

แต่การโทษตนเองมิได้ไปถึงที่สุดดังที่บางคนเป็นแล้วลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย กลไกการโทษคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือเธอให้พ้นผิดไปได้บ้าง เช่น ที่ผิดมิใช่เธอแต่เป็นวิลเลียม ฟอล์คเนอร์ นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงมากคนนั้น และเธอก็จัดการสังเวยเข้ากองไฟไปเรียบร้อย 

ยังมีคนผิดอีกคนหนึ่งคือทอมัสซึ่งเป็นนักเขียนเช่นเดียวกัน ทอมัสบอกว่าเขาไม่ชอบวิลเลียมฟอล์คเนอร์นั่นทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้น ในเวลาที่เธอเปล่าเปลี่ยวเดียวดายเธอโทรศัพท์หาทอมัสกลางดึกเพียงเพราะฝ่ายชายเปิดโอกาสให้เธอโทรศัพท์ได้ "ทุกเวลา" มิหนำซ้ำยังเรียกร้องให้เขามาหา

 

ทอมัสเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเรื่องที่เขาทำกับลูกของตัว หลายปีถัดมาเมื่อทอมัสปฏิเสธไม่ยอมพบคริสโตเฟอร์ในวัยหนุ่ม เคทก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปต่อว่าเพื่อทวงคำสัญญาไหนว่ายินดีจะช่วยเหลือทุกเรื่อง  ทุกเวลาขอให้บอก รู้ตัวหรือเปล่าว่า ทำให้คริสโตเฟอร์เสียใจมากเพียงใด

แอนเป็นตัวละครที่เป็นกลาง เธอเข้ามาในชีวิตของทอมัสพร้อมลูกสาวน่ารักช่างพูดช่างฉอเลาะ ชื่อมีนา สองแม่ลูกมิได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตของทอมัส ความเป็นคนรักสันโดษและเงียบขรึมของทอมัส 

มิใช่ความบกพร่อง คนเราเป็นผู้ใหญ่แล้วสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เสมอตราบเท่าที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมโดยเจตนา แต่สร้างความไม่เป็นสุขให้แก่คนข้างเคียงนั้นเป็นเรื่องส่วนครอบครัว ที่ต้องเรียนรู้กันและกัน 

ทอมัสไม่มีอะไรบกพร่อง ตอนที่เกิดอุบัติเหตุในสวนสนุกมีคนบาดเจ็บล้มตาย ในขณะที่แอนตกใจขวัญกระเจิง เป็นห่วงมีนาจนมือไม้สั่น เป็นทอมัสที่มั่นคง สติดี เดินเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการถูกทับด้วยของหนักอย่างใจเย็น จนแม้กระทั่งเมื่อกลับบ้านแล้วทอมัสยังคงนั่งเฉย อ่านหนังสือที่โต๊ะอาหารเหมือนโลกนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลับเป็นแอนเสียอีกที่สติแตก เข้ามาต่อว่าเขาเป็นอะไรไป ทำไมไม่มีจิตใจมากมายขนาดนี้ 

หรือฉากก่อนสุดท้ายเมื่อแอนพบปัสสาวะแปลกปลอมบนเตียงนอน เธอสติดแตกไปเลยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของแม่บ้านทุกๆ คนบนโลกแน่หากมีใครมาปัสสาวะถึงห้องนอนในบ้านของตัวเองได้ แต่ทอมัสยังนิ่ง โทรเรียกตำรวจแล้วให้การด้วยความนิ่ง ไม่โทษใครหรือปรักปรำใคร

แอนและมีนามิได้เข้ามาเติมเต็มอะไรให้แก่ทอมัส แต่สองคนมีประโยชน์เข้ามาช่วยเป็นอีโก้สำรองให้แก่ทอมัส จิตวิเคราะห์เรียกว่า Auxillary ego กล่าวคือ ในขณะที่อีโก้ของทอมัสไม่ค่อยจะเอาไหนเท่าไรนักในการติดต่อคนหมู่มาก แอนและลูกสาวทำได้ดีกว่า แอนรู้ทักษะสังคม ลูกสาวรู้จักเข้าหาคนอื่น สามารถแนะนำคนแปลกหน้าให้รู้จักคุณพ่อนักเขียนได้อย่างไม่เคอะเขิน แล้วชักจูงให้อีโก้ไม่เอาไหนอย่างทอมัสเซ็นชื่อในหนังสือนิยายของตัวเองที่คนแปลกหน้ากำลังอ่านอยู่ให้ด้วย 

เป็นสาวสาวสามสไตล์ที่เข้ามาพัวพันทอมัสในระดับต่างๆ กัน 

ยังมีเรื่องพ่อ พ่อของทอมัสป่วยด้วยโรคสมองเสื่อมในวัยชราต้องพักฟื้นในสถานพยาบาลคนชรา ทอมัสไปเยี่ยมพ่อสม่ำเสมอ และพยายามอย่างย่ิงที่จะไม่ไปเพียงเพราะเป็นหน้าที่ แต่ก็ไม่วายถูกต่อว่าว่าเป็นหน้าที่ เหตุหนึ่งเพราะสีหน้าที่เรียบเฉยของเขานั่นเอง 

ทอมัสรู้ว่าเด็กตายไปหนึ่งคน มิใช่ความผิดของเขาพราะล้อเลื่อนตัดหน้าในระยะประชิด เขารู้สึกผิดแต่แสดงออกไม่เป็น เขาใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นตัวมาเขียนหนังสือได้อีกครั้งและใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะมีความกล้าและความมั่นใจกลับไปสถานที่เกิดเหุต

ทอมัสเป็นตัวอย่างของผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ คือ Adult ทำดีที่สุดในแต่ละขณะโดยไม่ตีโพยตีพาย เป็นตัวของตัวเองโดยมิต้องเกรงใจใครไปทั่ว ทำผิดได้ ยอมรับผิดได้ และแก้ไขได้ 

ถ้าจะมีเรื่องหนึ่งที่เขาแก้ไขไม่ได้ก็คือ สูบบุหรี่แล้วเป็นหมัน (จบที่บุหรี่สำเร็จ) 

เล่าเรื่องโดย นพ.ประเสิรฐ ผลิตผลการพิมพ์ กองบรรษธิการ Smartonline

วันที่ 21 กันยายน 2560