ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ "ทำไมต้อง Ban" (ตอนที่ 1)
คอลัมน์ : ทันโลก
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ยาสูบได้พัฒนาขึ้น จำแนกได้ 3 รูปแบบ คือ 1.บุหรี่จุดสูบแบบเดิม 2.บุหรี่ไฟฟ้าชนิดมีน้ำยาเติม (Electronic Nicotine Delivery System - ENDs) และ 3.บุหรี่ไฟฟ้าแบบลูกผสม (Heat not Burn Product - HTPs) ที่ไม่มีการเติมน้ำยาแบบ ENDs แต่นำเทคโนโลยีมาผสมผสานในลักษณะบุหรี่มวนสั้นกลมไม่มีก้นกรอง ใช้โดยนำบุหรี่มวนนี้เสียบกับบุหรี่แบบเดิม ที่มีระดับความร้อน 600 องศาเซลเซียส ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการกล่าวอ้างว่า "ความร้อนน้อยลงพิษภัยน่าจะน้อยลง" ซึ่งในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น
ปัญหาของผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่สำหรับผู้กำหนดนโยบาย มี 2 ลักษณะ คือ
1. เป็นประตูสู่บุหรี่ (Geteway Product) กลุ่มอุตสาหกรรมมักอ้างว่า ENDs ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ แต่หลักฐานที่มีอยู่ไม่หนักแน่นหรือขัดแย้งกันด้วยซ้ำ
2. ลดความเสี่ยง (Reduced risk) ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ทำการตลาดด้วยจุดขายว่า "เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ" แต่การสัมผัสควันน้อยกว่าไม่ได้หมายความว่าจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า
ทั้งนี้ เพราะเมื่อพิจารณาจำนวนสารพิษในผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ พบว่า มีจำนวนสารพิษไม่แตกต่างจากบุหรี่แบบเดิม รวมทั้งสารก่อมะเร็งด้วย
แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ระดับความเข้มข้นหรือปริมาณสารพิษที่บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีน้อยกว่าบุหรี่จุดสูบแบบเดิม และเมื่อเทียบปริมาณหรือความเข้มข้นของสารพิษที่มีอยู่ในบุหรี่ทั้ง 3 แบบ พบว่า มีความแตกต่างเป็นแบบขั้นบันได กล่าวคือ บุหรี่แบบเดิมมีความเข้มข้นสูงสุด รองลงมาคือ บุหรี่แบบลูกผสม (HTPs) และสุดท้ายคือ บุหรี่ไฟฟ้า (ENDs) ที่มีความเข้มข้นของปริมาณสารพิษน้อยกว่า 2 ชนิดแรก
อย่างไรก็ตาม คำว่าปริมาณสารพิษน้อยกว่าไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย "Safer=not harmful but not safe"
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่จะอันตรายน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบเดิม แต่ไม่ใช่เครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าแบบลูกผสม (HTPs) ยังไม่มีงานวิจัยที่เป็นกลาง ที่สามารถระบุความเสี่ยงว่าน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปหรือไม่ หากเปรียบเทียบการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบทั้ง 3 แบบ เปรียบเหมือนกับคนกระโดดตึก หากการสูบบุหรี่แบบเดิม คือการกระโดดตึกจากชั้น 10 การใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่เปรียบเสมือนการประโดดตึกลงมาจากชั้น 9 8 7 6 5 .... ที่แม้จะยังไม่ทราบระดับความรุนแรง แต่มีหลักฐานทางการแพทย์และงานวิจัยต่างๆ ชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่มีพิษภัยและยังไม่ปลอดภัย
หากภาครัฐไม่ควบคุมหรือกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาสูบเหล่านี้ นอกจากจะทำให้ปริมาณการสูบบุหรี่ในภาพรวมเพิ่มขึ้น ยังมีหลักฐานมากพอว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้า (ENDs) เพิ่มความเสี่ยงในการใช้บุหรี่จุดสูบแบบเดิมในกลุ่มเยาวชน และนี่คือส่ิงที่ภาครัฐไม่ควรมองข้าม
องค์การอนามัยโลกได้ให้คำแนะนำสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า (ENDs) คือ
- ต้องป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ต้องลดความเสี่ยงด้านสุขภาพสำหรับผู้ใช้ และปกป้องผู้ไม่ได้ใช้จากการได้รับสารปลดปล่อยจากบุหรี่ไฟฟ้า
- ห้ามใช้ข้ออ้างทางสุขภาพที่ยังไม่ได้พิสูจน์
- ปกป้องการควบคุมยาสูบจากการแทรกแซงของภาคธุรกิจหรือผู้ที่มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมยาสูบ
- ปกป้องผู้ควบคุมกฎจากการแทรกแซงของภาคธุรกิจหรือผู้มีส่วนได้เสีย
- กำกับส่วนประกอบในการออกแบบผลิตภัณฑ์และเปิดเผยข้อมูลให้อย่างมีประสิทธิผลในการควบคุมยาสูบ ใช้ภาพคำเตือน พัฒนาระบบกำกับและเฝ้าระวังที่มีอยู่เดิมให้เข้มแข็ง
- ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับผู้เยาว์
สำหรับคำแนะนำในส่วนของผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ HIPs คือ ยาสูบในทุกรุปแบบมีอันตรายรวมทั้ง HTPs ยาสูบเป็นพิษโดยธรรมชาติและมีสารก่อมะเร็ง แม้จะอยู่ในรูปแบบตามธรรมชาติ ดังนั้น HTPs ต้องถูกควบคุมตามนโยบายควบคุมยาสูบของประเทศ ที่สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (FCTC)
สิ่งที่ภาครัฐต้องพิจารณา คือบุหรี่ไฟฟ้ากำลังแพร่กระจายทั่วโลก และอาจเป็นสื่อนำไปสู่การสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน บุหรี่แบบใช้ความร้อน (HTPs) เริ่มมีมากขึ้นในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง (LMIC's) ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายและผลิตภัณฑ์ยาสูบมีการพัฒนารูปแบบตลอดเวลา ดังนั้นรัฐต้องควบคุม กำกับดูแล และป้องกันการแทรกแซงจากธุรกิจยาสูบ เพราะปัจจุบันพบว่า มีความพยายามแทรกแซงเพื่อให้คนเข้าถึงยาสูบรูปแบบนี้มากขึ้น ดังเห็นได้จากการที่กลุ่มธุรกิจยาสูบ เข้ามาก่อตั้งชมรมผู้ไม่สูบบุหรี่แบบเดิมในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้คนอยากใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่กันมากขึ้น ดังจะเห็นจากกิจกรรมต่างๆ ทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มากขึ้น
ที่มา : การประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 17 พ.ศ.2561
ข้อมูลโดย หริสร์ ทวีพัฒนา นักวิชาการจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
วันที่ 14 กันยายน 2561