รมต.สธ.ประกาศจุดยืนว่า "กระทรวงสาธารณสุขไม่สนับสนุนให้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้า"

คอลัมน์ : จับกระแส

สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และภาคีเครือข่ายในการรณรงค์เพื่อการควบคุมยาสูบต่างๆ เข้าแสดงความขอบคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี สธ. ยังคงเจตนารมย์เหมือนเดิมว่า "ไม่สนับสนุนให้สูบบุหรี่ไฟฟ้า

ศ.เกีรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการประทรวงสาธารณสุข ที่ให้ความกรุณาห่วงใยสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนไทย ในปัจจุบันหลายประเทศได้ออกกฏหมายห้ามนำเข้าและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าระบาดอย่างหนักในเด็กนักเรียน โดยอัตราการสูบบุหรี่ในนักเรียนชั้นมัธยมปลายพุ่งสูงถึง 27.5% เทียบเท่ากับอัตราการสูบบุหรี่ธรรมดา ประมาณ 6% เท่านั้น

ซึ่งหากเปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าเสรีในประเทศไทย มีความเสี่ยงสูงที่เยาวชนไทยจะเข้าไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า และเมื่อติดแล้ว ยากที่จะเลิกสูบ เนื่องจากนิโคตินเลิกยากมากเท่าเฮโรอีนตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ ถือเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาที่ป้องกันได้ ที่สำคัญที่สุดของคนไทย

ล่าสุดสหพันธ์เครือข่ายองค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ ออกรายงานแสดงจุดยืนว่า การห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกนโยบายืที่ดีที่สุด สำหรับประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ผู้สูบบุหรี่ที่หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะยังสูบทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แต่ปัญหาด้านลบของบุหรี่ไฟฟ้าคือ ทำให้เยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก และส่วนหนึ่งพัฒนาต่อไปสูบบุหรี่ธรรมดา มาตรการควบคุมก็ยังไม่พร้อมและมีปีัญหามาก หากเปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าจะยิ่งแย่งชิงทรัพยากรในการควบคุมยาสูบที่ไม่พออยู่แล้ว ทำให้การควบคุมยาสูบยิ่งอ่อนแอมากขึ้น สหพันธ์เครือข่ายองค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติได้วิเคราะห์หล้กฐานต่างๆ และสรุปว่า ในประเทศรายได้ปานกลางผลเสียจากบุหรี่ไฟฟ้ามีมากกว่าผลดี การห้ามขายของประเทศไทย จึงเป็นทางเลือกที่สอดคล้องกัยข้อเสนอแนะของสหพันธ์ฯ

ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ขอย้ำถึงความเสี่ยงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะมีผลต่อการลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เพิ่มความเสี่ยงเป็น COVID 19 เพราะมีหลักฐานทางวิชาการยืนยันว่า  ในไอของบุหรี่ไฟฟ้ามีสารโลหะหนัก เช่น นิเกิล โครเมียม ที่มีพิษต่อปอด และบุหรี่ไฟฟ้ายังมีการปลดปล่อยอนุภาคขนาดเล็ก PM 2.5 ที่แทรกซึมเข้าร่างกาย เป็นการสะสมพิษไปก่ออันตรายในอวัยวะต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย 

จึงขอขอบคุณท่าน อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้แสดงจุดยืนอันชัดเจนว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่สนับสนุนให้บริโภคบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสุขภาพของเยาวชนและคนไทยทั้งประเทศ...

Smartnews เผยแพร่ 3 กรกฎาคม 2563