โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันอุดมศึกษาต้นแบบเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
คอลัมน์ : เก็บมาฝาก
สถาบันอุดมศึกษาต้นแบบเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี
วันที่ 23 กันยายน 2563 ณ ห้องประชุม 910 ชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดแถลงข่าว “โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันอุดมศึกษาต้นแบบเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่” เพื่อให้ความสำคัญกับการผลิตบัณฑิตพยาบาล ให้มีศักยภาพเป็นผู้นำและมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมปลอดบุหรี่ กับความมุ่งมั่นในการเป็นสถาบันอุดมศึกษาต้นแบบเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี
ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่เป็นอันตราย เป็นภัยร้ายต่อสุขภาพตัวเอง และส่งผลร้ายต่อคนใกล้ชิด คนในครอบครัวเดียวกันเอง ภัยร้ายจากบุหรี่จะก่อให้เกิดโรคมากมาย เช่น โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดอักเสบ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ที่ผ่านมาเรามักได้ยินคำว่า บุหรี่มือสอง และบุหรี่มือสาม ในตัวบุหรี่เองจะมีควันที่อยู่ในอากาศได้นาน 48 ชั่วโมง ส่วนควันบุหรี่มือสองเป็นอันตรายกับเด็กในครรภ์และเด็กทารก ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะการเจริญเติบโตช้า ควันบุหรี่มือสามมักจะตกค้างอยู่ภายในบ้านและทำให้สมาชิกในบ้านป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ที่น่ากลัวคือ มีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ มากกว่า 50,000 คนต่อปี เหล่านี้เป็นสิ่งย้ำเตือนใจได้เป็นอย่างดีในการรับผิดชอบตัวเองและต่อคนรอบข้างได้อย่างชัดเจน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีการดำเนินการควบคุมบุหรี่อย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 โดยประกาศให้คณะฯ เป็นเขตปลอดบุหรี่ 100 % พร้อมกับการส่งเสริมและหาแนวทางเพื่อเอื้อให้บุคลากรสามารถเข้าถึงกระบวนการช่วยเหลือเพื่อการเลิกสูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น จึงได้มีการวางแผนงานเพื่อสนับสนุนและผลักดันนโยบายปลอดบุหรี่อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แผนงานการขับเคลื่อนนโยบายมีความครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 การประกาศนโยบายขององค์กรให้เป็นที่ประจักษ์ ด้านที่ 2 การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้การรณรงค์ให้ทราบถึงพิษภัยของบุหรี่ทั้งบุคลากร นักศึกษา ผู้รับบริการ และชุมชน ด้านที่ 3 การสนับสนุนให้บุคลากรทีมสุขภาพมีส่วนร่วมในการบำบัด ฟื้นฟู และสร้างแนวทางให้กับผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ได้เข้าถึงง่ายขึ้น เราต้องดำเนินการกับทั้งผู้สูบรายเก่า และป้องกันนักสูบหน้าใหม่ ต้องทำให้การสูบบุหรี่กลายเป็นเรื่องไม่ปกติ ลดอัตราการสูบบุหรี่ และปกป้องผู้ไม่สูบบุหรี่โดยเฉพาะเด็กจากการผลกระทบของควันมือสอง
รศ. ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินการเพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปี เราจึงต้องการพัฒนาให้โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาต้นแบบเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ มีการจัดกิจกรรมมหกรรมสุขภาพในสถานบริการสุขภาพให้กับผู้รับบริการในโรงพยาบาล โดยนักศึกษาพยาบาล ร่วมกับคณาจารย์ของโรงเรียนฯ เพื่อให้ความรู้ และส่งเสริมกิจกรรมการช่วยเลิกบุหรี่ รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์ด้านการควบคุมยาสูบในชุมชน สถานศึกษา และโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังได้ทำวิจัยเกี่ยวกับการควบคุมยาสูบทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศ จัดกิจกรรมคลินิกช่วยเลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่อง และสาขาการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิตได้จัดให้มีการให้คำปรึกษาแก่นักศึกษา บุคลากร หรือผู้ใกล้ชิดของนักศึกษาและบุคลากรที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่อย่างเป็นระบบ
นางสาวกัลย์ธิมา ภูโสภา ประธานชมรมปลอดบุหรี่ นักศึกษาพยาบาลรามาธิบดีชั้นปีที่ 2 กล่าวว่า นักศึกษาพยาบาลรามาธิบดีได้ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยมีตัวแทนชมรมปลอดบุหรี่เข้าร่วมประชุมเครือข่ายพยาบาลเพื่อควบคุมยาสูบแห่งประเทศไทย แล้วยังเน้นการ จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า โทษของบุหรี่ พร้อมทั้งชมรมนักศึกษาพยาบาลรามาธิบดีสร้างสังคมบุหรี่ ได้จัดกิจกรรม ให้ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่มือหนึ่ง มือสอง มือสาม ซึ่งได้มีแผนในการจัดกิจกรรมต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2563 ที่เน้นเชิงรุกกับนักศึกษาพยาบาลรามาธิบดีให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นแกนนำสำคัญในการช่วยสังคมให้ปลอดบุหรี่ต่อไปในอนาคต
ข้อมูล : ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ
Smartnews เผยแพร่ 25 กันยายน 2563