ม.มหิดลประกาศนโยบาย “งดรับทุนทุกรูปแบบจากบริษัทบุหรี่และเครือข่ายของบริษัทบุหรี่”
คอลัมน์ : จับกระแส
มหาวิทยาลัยมหิดลได้จัดให้มีการแถลงข่าว “เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมใจสร้างจุดยืนไม่รับทุนวิจัยและการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่” โดยมีการให้ข้อมูลและร่วมประกาศเจตนารมณ์เพื่อสร้างระบบธรรมาภิบาลภายในองค์กร ที่จะงดรับทุนจากบริษัทบุหรี่ทุกรูปแบบ ณ ห้องประชุม บุญศิริ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลเล็งเห็นถึงปัญหาการแทรกแซงของบริษัทบุหรี่และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ในการเข้ามาสร้างความสัมพันธ์ ผ่านการให้ทุนการทำวิจัย การศึกษาดูงาน และการอุปถัมภ์อื่น ๆ ที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำเนินกิจการหลักของมหาวิทยาลัย ในการผลิตข้อมูลความรู้และชี้นำสังคมอย่างเป็นกลาง มีอิสระทางวิชาการ มหาวิทยาลัยจึงจัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อประกาศว่า “มหาวิทยาลัยมหิดลไม่ร่วมมือกับบริษัทบุหรี่และเครือข่ายของบริษัทบุหรี่ในการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น” และจะถือโอกาสเชิญชวนมหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศไทย มาร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ที่จะไม่ร่วมมือกับบริษัทบุหรี่เช่นกัน
รศ.ดร.นภเรณู สัจจรักษ์ ธีระฐิติ รองอธิการบดี ฝ่านวิเทศสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงนโยบายของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เน้นย้ำบทบาทของการเป็นมหาวิทยาลัยที่มีพันธกิจสำคัญในการให้ความรู้ทางด้านสุขภาพและยังยึดมั่นในการช่วยสื่อสารกับสังคมเพื่อรณรงค์การไม่รับทุนจากบริษัทยาสูบในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลจะขับเคลื่อนการเผยแพร่ความรู้และข้อมูลทั้งภายในมหาวิทยาลัยและภายนอกมหาวิทยาลัยเพื่อต่อยอดการเป็นมหาวิทยาลัยแห่งสุขภาพ (Healthy University)
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในประเทศไทย มีพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 35 ที่ห้ามผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้การอุปถัมภ์ บุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยการของรัฐ ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยด้วย การประกาศงดรับทุนทุกรูปแบบจากบริษัทบุหรี่จึงสอดคล้องกับกฎหมายไทย
นางบังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมาภิบาลในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า การที่มหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก ประกาศไม่ร่วมมือทุกรูปแบบกับบริษัทบุหรี่นี้ เป็นไปตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (Framework Convention on Tobacco Control; WHO FCTC) ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศฉบับแรกที่องค์การอนามัยโลกจัดทำขึ้นเพื่อช่วยในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบอันเป็นสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งคร่าชีวิตคนทั่วโลกถึงปีละ 8 ล้านคน
ที่มา : https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2631424
SMART NEWS เผยแพร่ 22 มีนาคม 2564