"บุหรี่ : ภัยคุกคามต่อการพัฒนา (2) หลักฐานจากประเทศไทย"
คอลัมน์จับกระแส : วันงดสูบบุหรี่โลก
ประเด็นการรณรงค์ "บุหรี่ : ภัยคุกคามต่อการพัฒนา" (2) หลักฐานจากประเทศไทย
1. ผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ในกลุ่มประชากรฐานะยากจนที่สุด (รายได้เฉลี่ย 1,982.50 บาทต่อเดือน)
เสียค่าซื้อบุหรี่ซองที่ผลิตจากโรงงานเพียงอย่างเดียวต่อเดือน = 426.80 บาท/คน นั่นคือ แต่ละคนใช้เงินร้อยละ 21.50 ที่หาได้ไปกับการซื้อบุหรี่ เหลือเงินสำหรับใช้จ่ายในส่ิงจำเป็นอื่นๆ เพียง 1,555 บาทต่อเดือน ผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ในกลุ่มนี้ มีจำนวน 352,231 คน (พ.ศ.2557)
2. ผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ในกลุ่มประชากรฐานะยากจน (รายได้เฉลี่ย 6,097.6 บาท/เดือน)
เสียค่าซื้อบุหรี่ซองที่ผลิตจากโรงงานเพียงอย่างเดียวต่อเดือน = 467.5 บาท/เดือน มีจำนวน = 438,444 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่ = 7.7% ของรายได้
3. ข้อมูลที่สำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2557 พบว่า
- จำนวนประชากรกลุ่มที่จนที่สุด 1,336,073 คน
- จำนวนประชากรที่จน 1,851,191 คนที่สูบบุหรี่
รวมใช้เงินเป็นค่าซื้อบุหรี่เท่ากับ 7,674 ล้านบาท/ปี
4. ผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ในกลุ่มประชากรฐานะยากจนที่สุด
- สูบบุหรี่เฉลี่ย 1,198 มวนต่อคนต่อปี
- ขณะที่ผู้สูบบุหรี่ที่รวยที่สุดสูบ 493 มวนต่อคนต่อปี ( พ.ศ.2552)
เด็กที่ยังไม่มีรายได้ของตัวเองใช้เงินเกือบสองพันล้านบาทในการซื้อบุหรี่ / ปี
- ผู้สูบบุหรี่ที่มีอายุ 15-18 ปี = 407,813 คน
- ค่าซื้อบุหรี่ต่อเดือน / คน = 368.3 บาท
รวมค่าซื้อบุหรี่ต่อปี = 1,800 ล้านบาท (พ.ศ.2554)
ที่ประชุมผู้นำประเทศที่สหประชาชาติจัดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2554 เสนอให้ประเทศต่างๆ เร่งรัดการควบคุมยาสูบตามข้อกำหนดของกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ เพื่อควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 4 กลุ่มโรค อันได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคถุงลมปอดพอง และโรคเบาหวาน โดยทั้ง 4 กลุ่มโรคนี้มียาสูบเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วม ซึ่งเป็นสาเหตุหล้กที่ทำใ้หคนเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลา ส่งผลลบต่อการพัฒนาประเทศ
สามารถดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
กองบรรณาธิการ Smartonline
วันที่ 15 พฤษภาคม 2560