ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาลสูงประเทศเนปาลตัดสินยกฟ้อง กรณีที่บริษัทบุหรี่ขอให้ยับยั้งกฎหมายที่กำหนดขนาดภาพคำเตือน 75% บนซองบุหรี่ของกระทรวงสาธารณสุข โดยศาลระบุเหตุผลว่า ข้อเรียกร้องของบริษัทบุหรี่เป็นผลเสียต่อสาธารณสุขและขัดต่อผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยมาตรา 9 ของกฎหมายควบคุมยาสูบของประเทศเนปาลระบุว่า คำเตือนบนซองบุหรี่ต้องมีขนาดอย่างน้อย 50% ของพื้นที่ซองบุหรี่ การที่กระทรวงสาธารณสุขเนปาลกำหนดให้มีภาพคำเตือนขนาด 75% เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพจึงไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมายควบคุมยาสูบ และให้ยกคำร้องของบริษัทบุหรี่ที่อ้างว่าภาพคำเตือนขนาด 75% เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเนื่องจากทำให้มีพื้นที่ซองที่เหลือไม่เพียงพอที่จะพิมพ์ชื่อบริษัทบุหรี่และชื่อผลิตภัณฑ์
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อไปว่าซีอีโอของบริษัทฟิลลิป มอร์ริส กล่าวไว้ในที่ประชุมบริษัทว่า จะต่อต้านกฎหมายภาพคำเตือนขนาดใหญ่และกฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบ ซึ่งประเทศต่าง ๆ ทยอยออกกฎหมายให้ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเตือนพิษภัยยาสูบและลดอิทธิพลของการใช้พื้นที่ซองบุหรี่ในการดึงดูดนักสูบหน้าใหม่ ตามคำแนะนำของมาตรา 11 อนุสัญญาควบคุมยาสูบองค์การอนามัยโลก ทำให้ปัจจุบันนี้มีหลายประเทศที่ถูกบริษัทบุหรี่ฟ้องเพื่อยับยั้งกฎหมายขยายภาพคำเตือน อาทิ อุรุกวัยที่กำหนดขนาดภาพคำเตือน 80% ศรีลังกา 80% ออสเตรเลีย 82.5% และห้ามพิมพ์โลโกหรือสัญลักษณ์ใด ๆ ซึ่งกรณีของอุรุกวัยและออสเตรเลีย ศาลตัดสินยกคำฟ้องของบริษัทบุหรี่ ขณะที่กรณีของศรีลังกาคดียังอยู่ในศาลสูง โดยบริษัทบุหรี่ใช้กลยุทธ์การเตะถ่วงการตัดสินของศาลมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว ซึ่งกรณีที่บริษัทบุหรี่ฟ้องศาลปกครองไทยเพื่อยับยั้งกฎหมายขยายขนาดภาพคำเตือนเป็น 85% ของกระทรวงสาธารณสุข บริษัทบุหรี่ก็กำลังใช้วิธีการแบบเดียวกันคือเตะถ่วงเวลาการตัดสินของศาลให้นานที่สุด หากยับยั้งไม่สำเร็จ
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โทร. 0-2278-1828 / 08-1822-9799