มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 26 สิงหาคม 2567
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
กรมประชาสัมพันธ์ ขานรับนโยบายรัฐบาลให้ทุกสื่อในสังกัด
“ร่วมปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า”
วันนี้ (26 สิงหาคม 2557) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์, ศูนย์พัฒนาศักยภาพ กําลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) สนับสนุนโดย สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัด “การสัมมนาสื่อมวลชนสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อสร้าง ความตระหนักและร่วมกันสื่อสารเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าให้กับกลุ่มสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุ
โทรทัศน์แห่งประเทศไทย และเพื่อเชื่อมประสานองค์กรสื่อของภาครัฐเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสังคม ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมรวม 130 คน เป็นผู้บริหารจากกรมประชาสัมพันธ์ ผู้อํานวยการสถานี วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ผู้อํานวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย รวม 74 แห่ง และคณะทํางาน ด้านการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็ก และเยาวชนปัจจุบัน กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพกําลังคนด้านการควบคุม ยาสูบ (พ.ย.) และภาคีเครือข่ายด้านการควบคุมยาสูบ ได้ตระหนักถึงผลกระทบของอันตรายจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ ซึ่งถือเป็นปัญหาในระดับประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้เล็งเห็นถึงความสําคัญในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าใน รูปแบบต่าง ๆ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อออนไลน์ และสื่อบุคคล จึงได้ออกคําสั่งแต่งตั้งคณะทํางานด้านการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นอกจากนี้ สถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ยังเข้าไปในโรงเรียนจนถึงนักเรียนชั้น ประถมศึกษา ที่น่าเป็นห่วง คือพบกลุ่มผู้เสพหน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนอายุเพียง 13 ปี และสืบทราบมาว่ามีการนําไปขายใน สถานศึกษา โดยเด็กและเยาวชนเป็นคนรับไปจําหน่ายเอง ในปัจจุบันทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ให้ ความสําคัญอย่างยิ่งต่อเรื่องการระบาดและการลักลอบจําหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเข้าถึงในเด็กและเยาวชนได้ง่าย และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการความร่วมมือ เพื่อกวาดล้างและปราบปรามอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดปราบปรามผู้ที่ ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าในช่องทางต่าง ๆ การเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์พิษภัยของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น กรมประชาสัมพันธ์ พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ในการสนับสนุนให้องค์กรที่อยู่ในสังกัดของกรมประชาสัมพันธ์ มีแผนงานการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ถึงพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเป็นเกราะป้องกันได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งเพื่อปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึง ประชาชนไทยทุกคน จากมหันตภัยพิษร้ายของบุหรี่ไฟฟ้า
ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า จากการสํารวจการบริโภค ผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทย (Global Youth Tobacco Survey : GYTS) ปี 2565 โดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล องค์การอนามัยโลกประจําประเทศไทย และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่ง สหรัฐอเมริกา ในกลุ่มนักเรียนอายุ 13-15 ปี จํานวน 6,752 คน จากโรงเรียน 87 แห่งทุกภูมิภาค พบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก และเยาวชนเพิ่มเป็น 17.6% ในปี 2565 จากเดิมอยู่ที่ 3.3% ในปี 2558 เทียบเท่ากับเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า ที่สําคัญยังพบว่า มีผู้เริ่มใช้ บุหรี่ไฟฟ้าอายุน้อยที่สุดอยู่ที่ 7 ปี จากกลยุทธ์การตลาดของบริษัทผู้ผลิตที่มุ่งเป้าเยาวชน สร้างภาพลักษณ์ให้บุหรี่ไฟฟ้าเหมือนของ เล่น มีกลิ่นหอม และเยาวชนหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง จากข้อมูลผลการสํารวจของ รศ.ดร.จักรพันธ์ เพ็ชรภูมิ อาจารย์ และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยและวิชาการด้านการควบคุมยาสูบภาคเหนือ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เรื่อง “การใช้บุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนมัธยมศึกษา และการปรับตัวในการจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ในสถานการณ์ การ แพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าของครูในโรงเรียน” ระหว่างเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2566 โดยกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนมัธยมศึกษา ปีที่ 1-6 จํานวน 6,147 คน จาก จาก 16 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า 39.3% ไม่เชื่อว่าการใช้ บุหรี่ไฟฟ้าทําให้เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด, 35.8% ไม่เชื่อว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทําให้ปอดอักเสบรุนแรง (EVALI) และ 34.2% ไม่ เชื่อว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลเสียต่อสมองและการเรียนรู้ ดังนั้นการปกป้องเด็กและเยาวชนให้รู้เท่าทันภัยบุหรี่ไฟฟ้าจึงเป็นสถานการณ์ที่ต้องดําเนินการเร่งด่วน
ศ.นพ.ประกิต กล่าวเพิ่มเติมว่า “เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ติดนิโคตินหนักกว่าเด็กที่สูบบุหรี่มวน มีความเสี่ยงที่เด็กจะไปสูบ บุหรี่มวน หรือติดสิ่งเสพติดร้ายแรงชนิดอื่น ๆ นิโคตินมีอันตรายต่อสมองส่วนที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ สมาธิ และการควบคุมอารมณ์ เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการซึมเศร้า นอกจากนี้ นิโคตินยังเป็นอันตรายต่อปอด หลอดเลือดและหัวใจในระยะยาว ที่น่ากังวล คือ สารปรุงแต่งกลิ่นหอมที่ใช้ในน้ํายาบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อได้รับความร้อนจากแบตเตอรี่ในอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า ทําให้ปอดอักเสบ เฉียบพลันและเรื้อรัง อีกทั้งไอของบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสารก่อมะเร็งและโลหะหนัก เป็นอันตรายต่อพันธุกรรม (DNA) ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ สามารถพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง สิ่งสําคัญคือพ่อ แม่ ผู้ปกครองต้องเป็นแบบอย่าง ไม่สูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อลดความเสี่ยงเด็กเสพติด บุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้า"
ดังนั้น การที่กรมประชาสัมพันธ์ได้มีคําสั่งแต่งตั้งคณะทํางานด้านการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเด็กและ เยาวชนจากการเสพติดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องที่จําเป็นและสมควรดําเนินการอย่างยิ่ง สอดคล้องกับ กรอบอนุสัญญาว่า ด้วยการควบคุมยาสูบโดยองค์การอนามัยโลก (WHO Framework Convention on Tobacco Control; WHO FCTC) มาตรา 12 ที่ระบุว่า การให้การศึกษา การสื่อสาร การฝึกอบรมและการสร้างจิตสํานึกของสาธารณชน โดยใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่มี ความเหมาะสม ประเทศสมาชิกใช้มาตรการต่าง ๆ ดําเนินการเพื่อส่งเสริมจิตสํานึกของประชาชนและให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูล
เกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการบริโภคยาสูบและการสูดดมควันยาสูบรวมทั้งประโยชน์ที่จะได้รับจากการเลิกใช้ยาสูบซึ่งรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า ศ.นพ.ประกิต กล่าว
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 02-278-1828