คอลัมน์จับกระแส : SMART Online
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จัดเสวนาสื่อมวลชนเรื่อง "บุหรี่ไฟฟ้า...อันตรายมากกว่าที่คุณคิด" เพื่อนำเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เป็นข้อถกเถียงในสังคมปัจจุบันเรื่องอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าว่ามันอันตรายจริงหรือสามารถช่วยทำให้เลิกบุหรี่ได้จริง หรืออย่างไร? รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการต่างๆในการควบคุมป้องกันและปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ณ ห้องประชุมกรมประชาสัมพันธ์ ถ.พระราม 6 กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560 "บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นสารทดแทนในการเลิกสูบบุหรี่ แต่เป็นตัวตั้งต้นการเสพติดบุหรี่และสารเสพติดชนิดอื่นๆ"
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยข้อมูลจากเอกสาร THE FACTS on E-Cigarette Use Among Youth and Young Adults ของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าหรือ E-Cigarettes เป็นอุปกรณ์รูแบบใหม่ที่จะส่งผ่านสารนิโคตินเข้าสู่ร่างกายในรูปแบบละอองฝอยโดยไม่ต้องมีการเผาไหม้หรือการลุกไหม้ ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สวยหรู ดึงดูดใจและทันสมัย ในรายงานได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ถึงการได้รับสารนิโคตินของวัยรุ่นที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ผลคือ ทำให้เสพติดได้ง่ายดายและส่งผลทำลายสมองส่วนคิดชั้นสูงของวัยรุ่น และสารต่างๆ ยังมีผลต่อระบบทางเดินหายใจอีกด้วย การขายออนไลน์ การโฆษณาชวนเชื่อและมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมผ่านทางเว็บไซต์ ด้วยรูปลักษณ์และองค์ประกอบและสร้างความยั่วยวนใจวัยรุ่นทำให้เกิดกระแสเป็นแฟชั่นวงกว้างในหมู่วัยรุ่นได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นเยาวชนควรต้องรู้เท่าทันกลยุทธ์ของบริษัทผู้ผลิต จึงขอฝากถึงภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้และปกป้องประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ บริษัทยาสูบข้ามชาติ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ ได้ลงทุนทำธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า และทำการตลาดสร้างวาทกรรมว่า "บุหรี่ไฟฟ้าเป็นบุหรี่ที่มีอันตรายน้อย"
ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ บริษัทยาสูบข้ามชาติ 4 บริษัทยักษ์ใหญ๋ ที่ลงทุนในธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า และทำการตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในหลายประเทศ โดยสร้างวาทกรรมว่าเป็นบุหรี่ที่มีอันตรายน้อย มีการโฆษณาชวนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นบุหรี่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า และจัดเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ โดยมีองค์กรล็อบบี้ยิสต์ คือ Factasia.org และนักวิจัยตะวันตกหลายคนได้สนับสนุนให้มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้า องค์การอนามัยโลกและรายงานของ The US Surgeon มีข้อมูลที่เหมือนกันว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ปลอดภัยจากสารพิษ และมีอันตรายต่อสุขภาพไม่ต่างจากบุหรี่ซิกาแรตเลย ในเด็กและเยาวชนงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Southern California ยังพบอีกว่า วัยรุ่นที่ลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า จะกลายเป็นผู้สูบบุหรี่ประจำในที่สุด 2557 หากมีการฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลชุดปัจจุบัน มีนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดให้ บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม
พญ.ปานทิพย์ โชติเบญจมาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึง ผลสำรวจการบริโภคยาสูบของเยาวชนไทยล่าสุด อายุ 13-15 ปี ในปี 2558 พบว่า เยาวชนชายสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึงร้อยละ 4.7 และเยาวชนหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึงร้อยละ 1.9 ซึ่งมีแนวโน้มที่สูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของรัฐบาล สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จึงมีคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ฉบับที่ 9/2558 ห้ามขาย และห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าและตัวยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 นอกจากนี้ประเทศไทยซึ่งได้ร่วมลงนามในกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (FCTC) ซึ่งเป็นกฎหมายโลก ได้ร่วมกันเรียกร้องให้ประเทศภาคี 180 ประเทศให้ความสำคัญและดำเนินการออกกฎเกณฑ์มาตรการเพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าโดยเร็ว
ดังนั้น คำกล่าวอ้างใดๆ ของบริษัทบุหรี่จึงเป็นเพียงการดิ้นอีกเฮือกของบริษัทบุหรี่ ที่ต้องการให้การค้ากำไรบนความตายของผู้บริโภคยังคงอยู่ต่อไปในสังคมไทย พวกเรามาร่วมกันภาวนาให้ ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการฯ และสนช. ในรัฐบาลชุดนี้เถิด เพื่อเยาวชนและลูกหลานไทยจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของบริษัทบุหรี่และยาเสพติดต่อไป
ข้อมูลโดย กองบรรณาธิการ