คอลัมน์ : เก็บมาฝาก
กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หาแนวทางและวางมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบในเรือนจำ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากพิษภัยของผลิตภัณฑ์ยาสูบ โดยขณะนี้ประกาศให้เรือนจำนำร่อง 13 แห่ง ห้ามขายบุหรี่ ยาเส้นได้แก่ เรือนจำจังหวัดอำนาจเจริญ เรือนจำกลางราชบุรี เรือนจำจังหวัดจันทบุรี เรือนจำอำเภอธัญบุรี ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี ทัณฑสถานหญิงธนบุรี เรือนจำอำเภอสีคิ้ว ทัณฑสถานวัยหนุ่มปทุมธานี ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง ทัณฑสถานหญิงสงขลา ทัณฑสถานหญิงพิษณุโลก เรือนจำกลางเชียงราย และเรือนจำจังหวัดมหาสารคาม
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เปิดเผยว่า ผลจากการงดการจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำ พบผู้ต้องขังมีการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลง ลดปัจจัยการคุกคามของโรคในกลุ่มผู้ต้องขังป่วยเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองตีบ ส่งผลให้ลดภาระทางการรักษาพยาบาลลงได้มาก กรมราชทัณฑ์พร้อมเดินหน้าเร่งนโยบายมาตรการห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบในเรือนจำทุกแห่งทั่วประเทศ
โดยเริ่มรณรงค์ให้เรือนจำเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ และเลิกจำหน่ายบุหรี่ในเรือนจำ ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ห้ามสูบบุหรี่ภายในสถานที่ราชการ ซึ่งเรือนจำก็ถือเป็นสถานที่ราชการ จึงจัดอยู่ในเขตห้ามสูบบุหรี่ อีกทั้ง ผู้ต้องขังเมื่อนำตัวเข้าควบคุมภายในเรือนจำ เป็นโอกาสที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในการเลิกบุหรี่ บริหารเวลาว่าง ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ เช่น การฝึกระเบียบวินัย การฝึกวิชาชีพต่างๆ และกิจกรรมทางศาสนาเพื่อขัดเกลาจิตใจ เนื่องจากบุหรี่ ยาเส้น เป็นสินค้าที่เสพติด ทำลายสุขภาพทั้งตัวผู้สูบและผู้ที่อยู่รอบข้าง ส่งผลให้ผู้ต้องขังเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ เรือนจำทั่วประเทศมีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่ากลุ่มประชากรทั่วไป รวมถึงการสัมผัสควันบุหรี่มือสองก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งต่อผู้ต้องขังที่ไม่ได้สูบบุหรี่ และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ตลอดจนการควบคุมการสูบบุหรี่ในเรือนจำเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการควบคุมการสูบบุหรี่ในเรือนจำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 โดยการจัดเขตปลอดบุหรี่ในเรือนจำ/จัดเขตสูบบุหรี่นอกอาคาร ล่าสุด เป็นการเตรียมความพร้อมรองรับกฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่และยาเส้นในเรือนจำ
อีกทั้ง ในเรือนจำก็ยังมีสถานพยาบาล และเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้การเลิกบุหรี่ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังน้อยที่สุด ขอให้ประชาชน และทุกฝ่ายมั่นใจได้ว่า นโยบายดังกล่าวดำเนินการไปด้วยความเหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์กับผู้ต้องขังอย่างมาก” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ
Smartnews วันที่ 10 กันยายน 2563