บุหรี่แบ่งขาย ยิ่งเลิกสูบยากขึ้น
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
บุหรี่แบ่งขาย ยิ่งเลิกสูบยากขึ้น
แพทย์ยืนยันการแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน ทำให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบบุหรี่ได้ยากขึ้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประธานคณะอนุกรรมการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 3 ว่าด้วยการรักษาโรคเสพติดยาสูบ เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมการค้ายาสูบไทย ออกมาคัดค้านมาตรการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่ ที่กำหนดอยู่ในร่างกฎหมายควบคุมยาสูบฉบับใหม่มาตลอดระยะเวลาสองปีมานั้น ขอยืนยันตามหลักวิชาการว่า การซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน ๆ ทำให้เลิกสูบบุหรี่ง่ายขึ้นนั้น ไม่เคยมีหลักฐานทางวิชาการปรากฏตามข้อกล่าวอ้างนี้ แต่ตรงกันข้าม งานวิจัยพบว่า การที่คนสูบบุหรี่สามารถซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวนๆ กลับจะทำให้เลิกบุหรี่ได้ยากขึ้น เพราะเขาจะได้บุหรี่มาสูบทุกครั้งที่อยากสูบ แม้เขาจะมีเงินไม่มากพอที่จะซื้อบุหรี่เป็นซองในเวลานั้นก็ตาม
และที่อ้างว่าการซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน ๆ จะทำให้ผู้สูบบุหรี่สูบจำนวนน้อยมวนลง ก็ไม่มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนเช่นกัน เพราะคนสูบบุหรี่นั้น ความต้องการบุหรี่ต่อวัน ขึ้นอยู่กับระดับการเสพติด หรือความต้องการสารนิโคตินในร่างกายซึ่งจะคงที่ จำนวนมวนบุหรี่ที่แต่ละคนจะสูบต่อวันจึงคงเดิม ไม่ได้ขึ้นกับว่าเขาจะซื้อบุหรี่มาได้คราวละกี่มวน ความกังวลที่ว่า การที่กฎหมายกำหนดให้ผู้สูบบุหรี่ต้องซื้อเป็นซอง จะทำให้คนสูบบุหรี่ยิ่งสูบมากขึ้น จึงไม่เป็นจริง เพราะคนสูบบุหรี่เมื่อร่างกายได้รับปริมาณสารนิโคตินเข้าไปในวันนั้น ๆ ตามที่ร่างกายแต่ละคนต้องการแล้ว ก็ไม่อยากสูบเพิ่มอีก
งานวิจัยยังยืนยันว่า การห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวนๆ จะช่วยให้ ผู้ที่สูบบุหรี่แบบเป็นครั้งเป็นคราว เลิกสูบได้ง่ายขึ้น ซึ่งในประเทศไทย มีผู้ที่สูบบุหรี่ในลักษณะนี้มากถึงล้านสี่แสนคน การห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน จึงมีอานิสงส์โดยตรงต่อคนกลุ่มนี้ ทำให้ตัดใจเลิกบุหรี่ได้มากขึ้น
ที่สำคัญการแบ่งขายบุหรี่แบบเป็นมวน ทำให้คนที่มีรายได้น้อย ทั้งเด็กและคนที่ยากจนสามารถเข้าถึงบุหรี่ได้ง่ายและได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเด็ก ๆ ทำให้เด็กสามารถซื้อบุหรี่เป็นมวน ๆ เพื่อทดลองสูบ จนเกิดการเสพติดบุหรี่ขึ้น การสำรวจที่ทำด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกเมื่อ พ.ศ. 2554 พบว่า เด็กไทยอายุ 15 ถึง 17 ปีที่สูบบุหรี่ ร้อยละ 88.3 ซื้อบุหรี่แบบแบ่งขายเป็นมวน นี้เป็นเหตุผลสำคัญ ที่อนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนให้ประเทศภาคีดำเนินการห้ามการแบ่งขายบุหรี่แบบเป็นมวน ๆ และขณะนี้มี 93 ประเทศที่ออกกฎหมายนี้แล้ว
“ผมจึงขอกราบวิงวอนให้กรรมาธิการที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้ทุกท่าน ได้โปรดช่วยกันรักษามาตรการห้ามแบ่งขายบุหรี่แบบเป็นมวน ตามที่มีอยู่ในมาตรา 39 ของร่าง พ.ร.บ.นี้ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนในการเข้าถึงบุหรี่ ซึ่งจะลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ และทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่มีฐานะยากจนสามารถเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งผมจะได้ไม่ต้องถูกถามจากเพื่อนชาวต่างประเทศอีกว่า เมื่อไรประเทศไทยจะห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน ๆ ครับ” นพ.สุทัศน์ กล่าวในที่สุด
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ: น.ส.ชวาลา ภวภูตานนท์ฯ โทร. 0-2278-1828 / 08-1458-5877