ยัน ไม่มีหลักฐานบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า95%

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

                                                                                                 

PressRelease 

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 

วันที่ 13 มกราคม 2560

วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

 

ยัน ไม่มีหลักฐานบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า95%

            เผยข้อสรุปที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา 95% เป็นรายงานที่สนับสนุนทุนโดยบริษัทผู้แทนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และหนึ่งในผู้วิจัยเป็นที่ปรึกษาบริษัทดังกล่าวด้วย

            ตามที่ขณะนี้มีการโจมตีรัฐบาลไทยอย่างหนักในโซเชียลมีเดีย  ถึงกรณีที่รัฐบาลได้ออกกประกาศห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีการอ้างรายงานจากประเทศอังกฤษที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา 95% และหน่วยงานสาธารณสุข (Public Health England) ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ยอมรับงานวิจัยดังกล่าวนั้น  

            เกี่ยวกับเรื่องนี้  ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า  วารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือที่สุดของประเทศอังกฤษ  แลนเซตฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ.2558 ได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการที่วิจารณ์หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษว่า รีบด่วนยอมรับข้อสรุปของผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งภายหลังจากการประชุมปฏิบัติการเพียงสองวัน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ซึ่งสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา 95 % โดยไม่มีการระบุที่มาที่ไปของคณะผู้เชี่ยวชาญที่สรุปความเห็นดังกล่าว อีกทั้งหนึ่งในผู้รายงานผลการวิจัยที่ชื่อ ริคาร์โด  โพโลซา  เป็นประธานที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของบริษัทแอลไอเอเอฟ  ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้บรรณาธิการวารสารยูโรเพียน แอดดิคชั่นรีเสริช ที่ตีพิมพ์รายงานดังกล่าว  ได้ระบุในท้ายบทความด้วยการเตือนผู้อ่านว่า บทความดังกล่าวมีประเด็นปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

            ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อไปว่า ข้ออ้างที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา 95%  ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการของประเทศอังกฤษ  และในประเทศอื่นใดอีกเลย รวมทั้งรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษาข้อเท็จจริงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ที่เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ภาคีอนุสัญญาควบคุมยาสูบ  องค์การอนามัยโลก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2559 ขณะที่รายงานของนายแพทย์ใหญ่สหรัฐอเมริกา ถึงปัญหาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน  ที่เสนอต่อสภาคองเกรสเปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคม  พ.ศ.2559  สรุปว่าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนแพร่ระบาด

 

 

 

อย่างรวดเร็ว และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากการติดตามเยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าต่อมาได้เปลี่ยนไปสูบบุหรี่ และยาสูบรูปแบบอื่น ๆ สรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้าเข้าข่ายเป็น “ยาหรือสิ่งเสพติดเริ่มต้น” หรือ “Gateway drug” อีกทั้ง

นิโคตินเป็นอันตรายโดยเฉพาะต่อการพัฒนาของสมองของเด็ก และบุหรี่ไฟฟ้ามีการเติมสารเคมีหลาย ๆ ชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ที่ยังไม่ทราบผลกระทบในระยะยาว ที่สำคัญมีการส่งเสริมการขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยการเติมสารเคมี ปรุงแต่งกลิ่นรสที่เย้ายวน มีการใช้กลยุทธ์และช่องทางการตลาดต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ รายงานเสนอให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังการระบาดและควบคุมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนอย่างเข้มงวดและใกล้ชิด

            ศ.นพ.ประกิต เปิดเผยต่อไปว่าข้อมูลการสำรวจที่ทำโดยกระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก ปี  พ.ศ.2558  พบว่า  เด็กไทยอายุ 13-15 ปี มีอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้า 3.3%  เป็นเพศชาย 4.9% และเพศหญิง 1.8% ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะได้จำนวนเด็กอายุ 13-15 ปี  ประมาณหนึ่งแสนคนเฉพาะในวัยนี้ที่มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้า  ดังนั้นหากเปิดให้มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเสรี  จำนวนเด็กที่ติดบุหรี่ไฟฟ้า จะยิ่งเพิ่มขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน จากการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และกลยุทธ์การตลาดของบริษัทบุหรี่ จึงขอให้รัฐบาลยืนหยัดในนโยบายที่ห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเสรีต่อไป

 

ต้องการสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

โทร. 0-2278-1828