เตือนเส้นเลือดโป่งพองในสมองแตก ผนังเลือดเปราะบางเพิ่มขึ้นสองเท่าในคนสูบบุหรี่
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 27 ตุลาคม 2560
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
เตือนเส้นเลือดโป่งพองในสมองแตก
ผนังเลือดเปราะบางเพิ่มขึ้นสองเท่าในคนสูบบุหรี่
ผศ.นพ.สุพจน์ ตุลยาเดชานนท์ หน่วยประสาทวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยผลการวิจัยที่พบว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดการแตกของเส้นเลือดในสมองที่โป่งพองเพิ่มขึ้นสองเท่า เนื่องในโอกาสวันโรคหลอดเลือดสมองโลก (World Stroke Day)
โดยเป็นผลการวิจัยของนายแพทย์ Anil Can และคณะ จากโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์เนอรัล สหรัฐฯ ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Neurology ฉบับเดือนกันยายนที่ผ่านมา ศึกษาจากการสืบค้นเวชระเบียนในผู้ป่วย 4,701 ราย
ที่เป็นเส้นเลือดในสมองโป่งพองระหว่าง ค.ศ.1990 ถึง 2013 พบว่าในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่มีอัตราการแตกของเส้นเลือดสมองที่โป่งพองเป็นสองเท่าของผู้ป่วยเส้นเลือดสมองโป่งพองที่ไม่เคยสูบบุหรี่ และในคนที่เลิกสูบบุหรี่แล้วมากกว่าหนึ่งปี อัตราการแตกของเส้นเลือดในสมองโป่งพอง ก็ยังสูงกว่าคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เกือบสองเท่า โดยโอกาสการแตกของเส้นเลือดเพิ่มขึ้นตามจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวัน คือยิ่งสูบมากโอกาสเส้นเลือดแตกยิ่งมาก
ขณะที่นายแพทย์เดนนิส บุ้ยส์ ภาควิชาประสาทศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเท็กซัสเวสเทิร์น ดัลลัส กล่าวว่า การสูบบุหรี่เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดโป่งพอง แต่เมื่อวิจัยยิ่งพบความเสี่ยงสูงมากขึ้นที่ทำให้เส้นเลือดที่โป่งพองแตกแล้ว ยังทำให้ผนังเส้นเลือดเกิดการอักเสบและผนังบางมากขึ้น ทำให้แตกง่าย การป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่สูบบุหรี่ตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ คนที่สูบบุหรี่บังเอิญตรวจพบว่าเส้นเลือดสมองโป่งพองจำเป็นต้องหยุดสูบบุหรี่ทันที เพื่อลดโอกาสที่เส้นเลือดในสมองแตก
ผศ.นพ.สุพจน์ กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้คนไทยเสียชีวิตถึง 58,500 คน ในปี พ.ศ.2556 ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผลจากที่มีคนไทยป่วยเป็นโรคความดันสูงถึง 12 ล้านคน ซึ่งเกือบครึ่งยังไม่มารับการรักษา และในผู้ที่เป็นความดันสูงมีถึง 1.5 ล้านคนยังคงสูบบุหรี่อยู่ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคเส้นเลือดตีบหรือแตก
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การได้รับควันบุหรี่มือสอง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคเส้นเลือดในสมอง หรือโรคลมปัจจุบัน 20-30 % ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา และมีคนไทยถึง 15.2 ล้านคนที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน จากข้อมูล พ.ศ.2557 จึงเรียกร้องให้ผู้สูบบุหรี่ทุกคนไม่สูบในบ้าน
ต้องการสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 0-2278-1828