“บุหรี่” ครองแชมป์มัจจุราชคร่าชีวิตคนไทย

          

ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION

                                                                                                                             

Press Release 

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 

วันที่ 8 ตุลาคม 2561

วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

 

“บุหรี่” ครองแชมป์มัจจุราชคร่าชีวิตคนไทย

          ผลวิจัยชี้ชัดอายุหดหายไปเกือบ 18 ปีเพราะโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ พบชายไทย 1 ใน 6 ต้องทุกข์ทรมานก่อนตาย

            ทันตแพทย์หญิงกนิษฐา  บุญธรรมเจริญ  หัวหน้าคณะทำงานแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาดัชนีประเมินภาระโรคและสุขภาพประชากรไทย  สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งศึกษาติดตามจำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากหลากหลายโรคที่มีสาเหตุจากการสูบบุหรี่ ในปี 2557 เปิดเผยผลวิจัยฉบับสมบูรณ์ว่า คนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 54,512 ราย เป็นชาย 47,770 ราย หญิง 6,742  ราย

“เมื่อคำนวณจำนวนปีที่เสียชีวิตก่อนวัยและเวลาอันควร พบว่าคนสูบบุหรี่โดยเฉลี่ยตายก่อนวัย คนละ 17.8  ปี และก่อนตายแต่ละคนต้องเจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน เป็นโรคเรื้อรังจนสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ละคนเฉลี่ยหายไปถึง 3 ปี”  ทพญ.กนิษฐา ระบุว่า โรคจากบุหรี่ที่ส่งผลเจ็บป่วยตามลำดับกลุ่มโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งปอด 13,047 ราย มะเร็งในอวัยวะ  อื่น ๆ 7,815 ราย ถุงลมโป่งพอง 11,295 ราย โรคปอดเรื้อรังอื่น 2,669 ราย โรคหัวใจ 7,215 ราย โรคหลอดเลือดสมอง 6,796  ราย และโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ 5,674 ราย

ทั้งนี้การเสียชีวิตของชายไทย 47,770 คน จากการสูบบุหรี่คิดเป็นร้อยละ 17 หรือ 1 ใน 6 ของจำนวนชายไทยที่เสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 273,722 คนในปีเดียวกัน ขณะที่การเสียชีวิตของเพศหญิงจากการสูบบุหรี่ 6,742 คนคิดเป็นร้อยละ 3 ของหญิงไทยที่เสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 212,327 คน ภายในปีเดียวกัน

ด้าน ดร.พญ.เริงฤดี  ปธานวนิช   รองผู้จัดการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ  กล่าวว่า  แต่ละปีอัตราคนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ยังคงเพิ่มขึ้น  แม้จำนวนผู้สูบลดลงอย่างช้า ๆ  นับแต่ปี 2547 คนไทยเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 41,183 คน และปี 2552 ตายเพิ่มขึ้นเป็น 48,242 คน เนื่องจากคนที่สูบบุหรี่มีอายุเพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่ไม่เลิกสูบ จำนวนเกือบครึ่งเลือกสูบยาเส้นมวนเอง ซึ่งมีราคาถูกมาก อีกทั้งรัฐควบคุมบุหรี่หนีภาษียังขาดประสิทธิภาพ ทำให้มีบุหรี่ราคาถูกทะลักเข้ามามาก โดยเฉพาะภาคใต้ อีกทั้งประเทศต่าง ๆ ได้ยกเลิกหรือจำกัดจำนวนซองบุหรี่ปลอดภาษีที่ผู้เดินทางจะนำติดตัวเข้าประเทศ เช่น สิงคโปร์ไม่อนุญาตให้มีบุหรี่ปลอดภาษีเลย และฮ่องกงให้นำติดตัวได้เพียงหนึ่งซอง เพื่อให้รัฐบาลเก็บภาษีได้มากขึ้น และทำให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลง ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ รัฐบาลจึงควรเร่งยกเครื่องกลไกการควบคุมบุหรี่หนีภาษีที่ผิดกฎหมาย ด้วยการลงสัตยาบันในพิธีสารขจัดยาสูบที่ผิดกฎหมายขององค์การอนามัยโลก