3 อำเภอของพิษณุโลก ขับเคลื่อนงานลงสู่ชุมชน สร้าง อสม. ช่วยคนให้เลิกบุหรี่

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION

                                                                                                       Press Release 

                                      ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อกาiไม่สูบบุหรี่

 

วันที่ 11 ธันวาคม 2561

วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

3 อำเภอของพิษณุโลก ขับเคลื่อนงานลงสู่ชุมชน

สร้าง อสม. ช่วยคนให้เลิกบุหรี่

นายไพบูลย์ ณะบุตรจอมรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเปิดเผยว่า การสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2560 พบว่าคนไทยที่สูบบุหรี่ยังมีถึง 10.7 ล้านคน เฉพาะจังหวัดพิษณุโลกมีผู้สูบบุหรี่ 128,503 คน จากจำนวนประชากรผู้ใหญ่ 740,795คนทั้งนี้ตามสถิติแล้วครึ่งหนึ่งของคนที่สูบบุหรี่แล้วไม่เลิก จะป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาด้วยโรคจากการสูบบุหรี่และข้อมูลที่วิเคราะห์โดย ศจย. พบว่ามีชาวจังหวัดพิษณุโลกป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลปีละ 9,581ครั้งแต่ละครั้งผู้ป่วยต้องอยู่โรงพยาบาลเฉลี่ยครั้งละ 6 วันค่าใช้จ่ายที่อยู่โรงพยาบาลเฉลี่ยวันละ 10,419บาทรวมแล้วคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่โรงพยาบาลต่อครั้งเท่ากับ 62,519บาทซึ่งรัฐบาลต้องแบกรับค่ารักษาผู้ป่วยเหล่านี้ของจังหวัดพิษณุโลกปีละ 599ล้านบาททุกฝ่ายในจังหวัดพิษณุโลกจึงต้องให้ความสำคัญกับงานควบคุมยาสูบโดยคณะกรรมการควบคุมยาสูบระดับจังหวัด จะต้องเร่งรัดดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์เพื่อการควบคุมยาสูบทั้ง 4 แผนอันได้แก่การเพิ่มสมรรถนะการควบคุมยาสูบการป้องกันนักสูบหน้าใหม่การคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่และการรักษาผู้เสพติดบุหรี่ให้เลิกสูบ

นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภายใต้โครงการพัฒนาและสนับสนุนให้ อสม. มีสมรรถนะในการช่วยคนให้เลิกสูบบุหรี่เป็นงานสำคัญที่จะช่วยพัฒนาและขยายเครือข่ายในระดับชุมชนเพื่อช่วยกันดูแลสุขภาพประชาชนจากพิษภัยของควันยาสูบและป้องกันเด็กจากการเริ่มเสพยาสูบเป็นงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่าย และต้องมีความต่อเนื่อง สอดแทรกในงานประจำ ทั้งบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาล บุคลากรสังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และผู้นำในชุมชน ต่างมีบทบาทสำคัญในการร่วมมือกันทำงานนี้ ร่วมมือกันทำให้สังคมไทยปลอดภัยจากพิษภัยของบุหรี่และยาสูบทุกประเภท ทั้งนี้เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดมากถึง 599ล้านบาท

            ผศ. กรองจิต  วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้จัดการโครงการพัฒนาและสนับสนุนให้ อสม. มีสมรรถนะในการช่วยคนให้เลิกสูบบุหรี่ กล่าวว่า  ได้ดำเนินโครงการร่วมกับอำเภอวัดโบสถ์ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง  จังหวัดพิษณุโลก โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ศูนย์สุขภาพชุมชน (ศสช.)จำนวน  3 แห่ง รพ.สต. จำนวน 23 แห่ง และสถานีอนามัย 1 แห่ง จำนวนหมู่บ้าน 200 หมู่บ้าน จำนวนหลังคาเรือน 32,381 หลังคาเรือน               

 

 

ประชากร 137,855 คน ทั้งนี้มี อสม. อยู่ในโครงการทั้งหมด 832 คน  ผลการติดตามการเลิกบุหรี่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ของทั้ง 3 อำเภอ ในจังหวัดพิษณุโลก มีคนสูบบุหรี่ในโครงการจำนวน 1,914 คน และจากการติดตามของ อสม. จำนวน 296 คน พบว่า มีคนสูบบุหรี่เลิกได้เกิน  6 เดือน จำนวน 182 คน คิดเป็นร้อยละ 9.5 ลดจำนวนมวนลง 609 คน คิดเป็นร้อยละ 31.8 และต้องการเลิกแต่ยังเลิกไม่ได้ จำนวน 1,123 คน คิดเป็นร้อยละ 58.7 และจากการดำเนินงานที่ผ่านมา อสม.มีสมรรถนะในการช่วยคนให้เลิกสูบบุหรี่ ประกอบด้วย องค์ความรู้ในเรื่องพิษภัยของบุหรี่ ทักษะในการพูดชวนติดตามช่วยให้เลิก และทัศนคติในเชิงบวกต่อผู้ที่สูบบุหรี่ โดยผ่านหลักสูตรการอบรมพัฒนาศักยภาพ ครู ก.พยาบาลและบุคลากรสาธารณสุข จำนวน 85 คน และ อสม.เชี่ยวชาญเพื่อบำบัดโรคติดยาสูบ จำนวน 227 คน สามารถเป็นวิทยากรด้านการช่วยเลิกบุหรี่ในพื้นที่ได้จริง นอกจากนี้ ได้เกิดหมู่บ้านต้นแบบที่สามารถเป็นพื้นที่เรียนรู้ได้ จำนวน 34 แห่ง

            ผศ. กรองจิต   กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้จึงได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้และมอบโล่ เกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวังทอง  ของจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการพัฒนาและสนับสนุนให้ อสม.มีสมรรถนะในการช่วยคนเลิกบุหรี่ ด้วยเล็งเห็นว่า อสม.มีบทบาทหน้าที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นผู้นำในการดำเนินงานพัฒนาสุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชน  โครงการนี้ตนเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ ที่จะช่วยกันสนับสนุนและพัฒนาเกิดเป็นชุมชนต้นแบบ ที่สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องการช่วยคนให้เลิกสูบบุหรี่ และบ้านปลอดบุหรี่ได้อย่างเข้มแข็ง  นอกจากจะเป็นการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่แล้ว ยังป้องกันลูกหลานจากการเริ่มสูบ ทำให้ผู้สูบบุหรี่อยากเลิกสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดีในการไม่สูบบุหรี่ และมีสุขภาพดีที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศชาติของเราต่อไป

 

 

ต้องการสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ น.ส.อังคณา  มานุจัม ผู้ประสานงาน มือถือ : 086-158-1293