งานวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วย ให้เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาในการใช้โดยปกติ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

 

                                                                                                      

Press Release 

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 

วันที่ 29 ธันวาคม 2563

วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

 

งานวิจัย บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วย

ให้เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาในการใช้โดยปกติ

            งานวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่ วันที่ 22 ธันวาคม 2563 โดยทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นำโดย ศาสตราจารย์สแตนตัน กล๊านทซ์ สืบค้นงานวิจัยที่มีการตีพิมพ์มาแล้วทั้งหมด 64 ชิ้น ที่ศึกษาความสัมพันธ์ของการใช้บุหรี่ไฟฟ้า กับการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา  พบว่า งานวิจัย 55 ชิ้น ที่ทำการสำรวจการเลิกสูบบุหรี่ ในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในการใช้ตามปกติ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้นำไปสู่การเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา

            ขณะที่งานวิจัย 9 ชิ้น ที่ทำการทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการรักษาเพื่อเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาภายใต้การควบคุมตามระเบียบวิจัย พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ธรรมดาได้

            ทีมวิจัย เสนอแนะ FDA หรือ อย สหรัฐอเมริกา ว่าควรจะให้บุหรี่ไฟฟ้าขายโดยใบสั่งแพทย์เพื่อรักษาการเลิกสูบบุหรี่  ไม่ควรอนุญาตให้ขายเป็นสินค้าบริโภคธรรมดา

            ทีมวิจัย วิจารณ์ว่า  หลักฐานต่าง ๆ เท่าที่มี  ไม่สนับสนุนการที่ FDA อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าในอเมริกาด้วยเหตุผลว่า มีผลต่อการคุ้มครองสุขภาพ เนื่องจากในคนที่สูบบุหรี่ธรรมดาอยู่แล้ว  บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่ธรรมดา  แต่กลับใช้ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ธรรมดา  ซึ่งยิ่งมีอันตรายมากกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังพบว่าบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสื่อนำให้เยาวชนเข้าไปเสพติดบุหรี่ “gateway effect” ดังนั้น ถ้าการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้นำไปสู่การเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา บุหรี่ไฟฟ้าก็ไม่มีผลดีต่อผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้ว  ตามที่บริษัทบุหรี่กล่าวอ้าง  ไม่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาหรือไม่ก็ตาม  ยิ่งเมื่อบวกกับการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน  สมมุติฐานที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้า มีผลดีต่อการคุ้มครองสุขภาพยิ่งไม่มีน้ำหนัก

            ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดที่เปิดเผยโดยศูนย์ควบคุมโรค (CDC)  สหรัฐอเมริกา พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาของผู้ใหญ่อเมริกาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 3 ปีที่ผ่านมา โดยคงที่อยู่ที่ 14% แต่อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จาก 3.2% ในปี ค.ศ.2018 เป็น 4.5% ในปี 2019 ในขณะที่ 9.3% ของคนอายุ 18-24 ปี  สูบบุหรี่ไฟฟ้า และ 56% หรือกว่าครึ่งหนี่งเป็นคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน  ประกอบกับการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นอเมริกา  การอนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าจึงส่งผลให้เป็นการเพิ่มจำนวนผู้เสพติดผลิตภัณฑ์นิโคติน            ที่เป็นการเพิ่มลูกค้าระยะยาวให้แก่บริษัท  ขณะนี้มีหลายประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า  และให้ผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ยาได้  แต่ไม่มีผู้ผลิตใดนำผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าไปขึ้นทะเบียนเป็นยา  ทั้งนี้กรณีของประเทศไทย บริษัทบุหรี่ไฟฟ้าก็สามารถที่จะนำผลิตภัณฑ์ของตนมาขึ้นทะเบียนเป็นยาเลิกบุหรี่กับองค์การอาหารและยาได้เช่นกัน  ถ้าหากสามารถพิสูจน์ว่าช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่ได้จริง และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยตามเงื่อนไขขององค์การอาหารและยา

อ้างอิง

  1. Richard J. Wang, Sudhamayi Bhadriraju, Stanton A. Glantz. 2020. E-Cigarette Use and Adult Cigarette Smoking Cessation: A Meta-Analysis https://ajph.aphapublications.org/author/Wang%2C+Richard+J
  2. Robin Koval. CDC Report Shows Rise in E-Cigarette Use Does Not Result in Decreases in Adult Smoking https://truthinitiative.org/sites/default/files/media/files/2020/11/Rise%20in%20Vaping%20Does%20Not%20Result%20in%20Decreases%20in%20Adult%20Smoking%20Statement.pdf

 

           

 

ต้องการสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 0-2278-1828