ธนาคารโลก : ภาษียาสูบมาตรการดีที่สุดในการช่วยชีวิต

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

คำอธิบาย: logo-smoke

Press Release

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่  13 ธันวาคม 2556

วันที่ข่าวตีพิมพ์  :  สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

ธนาคารโลก : ภาษียาสูบมาตรการดีที่สุดในการช่วยชีวิต

            ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  เปิดเผยรายงานการศึกษาของธนาคารโลกล่าสุดที่สรุปว่า การขึ้นภาษีสินค้าบริโภคที่ทำลายสุขภาพโดยเฉพาะสินค้ายาสูบ  เป็นมาตรการที่ดีที่สุดในการที่จะลดการเจ็บป่วยจากโรคเรื้อรังและส่งผลทำให้สุขภาพประชากรโลกดีขึ้น

            ธนาคารโลกได้มอบหมายให้นักวิชาการกว่า 20 คนจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งฮาวาร์ด  ทำการวิเคราะห์สภาวะและข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับการพัฒนาด้วยการลงทุนด้านสุขภาพในโอกาสครบรอบยี่สิบปีที่มีการรายงานการศึกษาลักษณะเดียวกันเมื่อ พ.ศ.2536  รายงานดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม มีความยาว 58 หน้า มีบทสรุปว่า  การลงทุนด้านสุขภาพได้ผลตอบแทนที่สูงมหาศาลต่อการพัฒนาประเทศ    การทำให้สุขภาพชาวโลกดีขึ้นสามารถบรรลุเป้าหมายภายใน 20 ปีข้างหน้านี้  จากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศยากจนดีขึ้น   นโยบายด้านการเงินการคลังมีความสำคัญมากในการควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง แต่มีการใช้มาตรการนี้ไม่มากเท่าที่ควร และนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีบทบาทสำคัญที่ทำให้สุขภาพประชากรดีขึ้น

            ในส่วนของการแก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการป่วยและเสียชีวิตของประชากรโลก  รายงานแนะนำให้ใช้มาตรการทางภาษีในการควบคุมสินค้าที่ทำลายสุขภาพ อันมียาสูบ  สุรา  เครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง  และอาหารที่มีไขมัน  เกลือสูง  เพื่อลดการบริโภคสินค้าเหล่านี้  และภาษีที่จะส่งผลดีมากที่สุดคือภาษียาสูบ  โดยนอกจากทำให้การบริโภคลดลงแล้ว  ยังทำให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ มีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นด้วย  โดยหากขึ้นภาษียาสูบให้ราคาบุหรี่แพงขึ้นร้อยละ 50 ในประเทศจีน  จะสามารถป้องกันการเสียชีวิตจากยาสูบได้ 20 ล้านคน  ขณะที่รัฐบาลจีนจะมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น  สองหมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเป็นเวลา 50 ปี  ขณะที่ในอินเดียการขึ้นภาษีที่ทำให้ราคาแพงขึ้นร้อยละ 50 จะป้องกันการเสียชีวิตจากยาสูบได้ 4 ล้านคน  และทำให้รัฐบาลอินเดียมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นอีก สองพันล้านเหรียญต่อปีเป็นเวลา 50 ปี  เป็นอย่างน้อยก่อนที่รายได้จะเริ่มลดเนื่องจากการสูบบุหรี่ลดลง

            ศ.นพ.ประกิต  กล่าวว่ารายงานของธนาคารโลกสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ระหว่าง พ.ศ.2536 ถึง พ.ศ.2555  มีการขึ้นภาษียาสูบทั้งหมดสิบครั้งทำให้ภาษียาสูบที่เก็บได้ประมาณ  15,000  ล้านบาทในปี พ.ศ. 2536  เพิ่มเป็นเก็บได้ 67,000  ล้านบาท  ในปี พ.ศ. 2556 และเฉลี่ยรัฐบาลมีรายได้จากภาษียาสูบที่เก็บได้เพิ่มขึ้น 22,000 ล้านบาทต่อปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา  ในขณะที่จำนวนผู้สูบบุหรี่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น 5 ล้านคน  ซึ่งลดจำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่หลายแสนคน  และถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะขึ้นภาษียาสูบเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ เข้ามาติดบุหรี่มากขึ้น

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 

โทร. 0-2278-1828 / 08-1822-9799