แนวโน้มการสูบบุหรี่ของคนไทยใน 15 ปีข้างหน้า ลดลงช้ากว่าเป้าหมาย

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

Press Release

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่ 8 กรกฎาคม 2557

วันที่ข่าวตีพิมพ์  :  สามารถเผยแพร่ได้ทันที

แนวโน้มการสูบบุหรี่ของคนไทยใน 15 ปีข้างหน้า ลดลงช้ากว่าเป้าหมาย

          ดร.ศรัณญา เบญจกุล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยการสำรวจสถานการณ์ การบริโภค ยาสูบของคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2534 – 2554) พบว่าอัตราการสูบ ลดลงจากร้อยละ 32.0 เหลือร้อยละ 21.4 โดยจำนวนผู้สูบบุหรี่รวมลดลงจาก 12.26 ล้านคน เป็น  11.51 ล้านคน แต่ในรอบ 5 ปีสุดท้าย (พ.ศ.2549 – 2554) ผลการสำรวจกลับพบการเปลี่ยนแปลงมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าช่วงแรก โดยลดจากร้อยละ 21.9 ในปี 2549  เป็นร้อยละ 21.4 ในปี 2554

            ดร.ศรัณญา ได้พยากรณ์อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทย ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2568 พบว่าตามแนวโน้มที่ผ่านมา อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป  จะลดลงเฉลี่ยปีละ 0.23% โดยลดลงจากร้อยละ 20.3 เป็นร้อยละ 17.5 และจะมีผู้สูบบุหรี่เท่ากับ 10.5 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2568  ซึ่งลดลงน้อยกว่าเป้าหมายของมติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่ตั้งเป้าหมายระดับโลก (Global target)  ไว้ว่าแต่ละประเทศควรลดการสูบบุหรี่ลง ให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี 2568 เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่ปี 2554 ไปอีก 15 ปีข้างหน้า อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทย ควรจะลดลงเหลือร้อยละ 15 (แทนที่จะเป็นร้อยละ 17.5)  หากประเทศไทยต้องลดอัตราการสูบบุหรี่ให้เหลือร้อยละ 15 เราจะต้องทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลง 0.44% ต่อปี (แทนที่จะเป็น 0.23%) ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้สูบบุหรี่ลดเหลือ 9.0 ล้านคน

          ดังนั้น ทิศทางการดำเนินงานควบคุมยาสูบเพื่อบรรลุเป้าหมายระดับโลกในช่วงเวลา 11 ปีต่อจากนี้ นอก เหนือจากการดำเนินงานควบคุมยาสูบให้ครอบคลุมตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) โดยเฉพาะมาตรการทางภาษีและกฎหมายเพื่อควบคุมการตลาดของบริษัทบุหรี่แล้ว  ยังควรเร่งรัดและมุ่งสกัดกั้นการเข้ามาเป็นนักสูบหน้าใหม่ของเด็กและเยาวชน อีกทั้งเร่งรัดให้ผู้เสพติดบุหรี่เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริการเลิกบุหรี่เชิงรุก   รวมทั้งทำให้การรักษาการเลิกบุหรี่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของการรักษาพยาบาล

ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ  เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ขององค์การ อนามัยโลกและธนาคารโลก  จำนวนผู้สูบบุหรี่ จำนวนบุหรี่ที่สูบและความต้องการใบยาสูบจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก  อันเป็นผลจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อย และปานกลาง  ในขณะที่อัตราการสูบบุหรี่

 

 

ลดลงอย่างช้ามาก  และจากงานวิจัยแนวโน้มจำนวนและอัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยจนถึงปี พ.ศ.2568  ที่ลดลงน้อยมาก  บ่งบอกว่าปริมาณบุหรี่ที่สูบและความต้องการใบยาสูบเพื่อการบริโภคภายในประเทศไทยจะลดลงน้อยมากเช่นกันจนถึงปี พ.ศ.2568  แม้ประเทศไทยจะมีมาตรการที่เข้มข้นในการควบคุมยาสูบตลอดช่วง 25 ปีที่ผ่านมา  ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ ชาวไร่ยาสูบไทยจึงขึ้นกับส่วนแบ่งตลาดบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ  ที่หากยิ่งเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30% ของตลาดบุหรี่ไทย เท่าไร ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อบุหรี่ของโรงงานยาสูบ และชาวไร่ยาสูบไทยมากเท่านั้น  เนื่องจากบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ได้ใช้ใบยาสูบไทย  ปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งคือราคาใบยาสูบไทย ซึ่งหากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น บริษัทบุหรี่ก็จะหันไปซื้อใบยาจากประเทศอื่นที่ราคาถูกกว่า  ทำให้ชาวไร่ยาสูบได้รับผลกระทบ  ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับประเทศมาเลเซีย  ที่จำนวน ชาวไร่ยาสูบลดลงจาก 23,020  ครัวเรือนในปี พ.ศ.2543 เหลือ 2,428 ครัวเรือนในปี พ.ศ.2555 และแนวโน้มคือมาเลเซียจะ ไม่มีการทำไร่ยาสูบเลยในอีกสิบปีข้างหน้า เพราะโรงงานผลิตบุหรี่ในมาเลเซียทั้งฟิลลิป มอร์ริส และเจแปนโทแบคโก หันไปซื้อใบยาสูบจากประเทศอื่นในอาเซียนที่มีราคาถูกกว่าใบยาสูบของมาเลเซีย

น.ส.บังอร ฤทธิภักดี เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสังคมอาเซียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ประเทศในเอเชียเป็นเป้าหมายสำคัญ ของอุตสาหกรรมบุหรี่ เนื่องจากประชากรที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่มีมากขึ้น โดยในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น อินโดนีเซีย เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่บริษัทบุหรี่ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการขยายตลาด โดยขณะนี้ประชากรในอาเซียน ที่มีอยู่มากถึง 625 ล้านคน และสูบบุหรี่แล้วถึง 125 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย แนวทางในการสกัดกั้นความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการขยายตลาดบุหรี่ในภูมิภาคนี้คือ การขึ้นภาษีและขึ้นราคาบุหรี่ให้สูงขึ้น

           

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :

  • ดร.ศรัณญา เบญจกุล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

โทร.02-354-8543 ต่อ 3601 / 081-830-3790 e-mail: dr.benjakul@gmail.com

  • ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่     โทร. 0-2278-1828 / 08-1822-9799