ออสเตรเลียยันซองบุหรี่แบบไม่มีโฆษณาทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 23 มีนาคม 2558
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
ออสเตรเลียยันซองบุหรี่แบบไม่มีโฆษณาทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยผลการวิจัยของออสเตรเลีย ที่ศึกษา เพื่อประเมินผลของการมีกฎหมายห้ามพิมพ์เครื่องหมายการค้าบนซองบุหรี่ที่ขายในออสเตรเลีย แต่พิมพ์ได้เฉพาะชื่อยี่ห้อ โดยใช้สีตามที่รัฐบาลกำหนด หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าซองบุหรี่แบบไม่มีโฆษณา โดยกฎหมายนี้เริ่มใช้มากว่า 2 ปีแล้ว การวิจัยพบว่าผู้สูบบุหรี่สังเกตเห็นภาพคำเตือนเด่นชัดขึ้น และมีความคิดที่จะเลิกบุหรี่มากขึ้น ส่วนเยาวชนมีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่น้อยลง ในขณะที่พบว่า บุหรี่หนีภาษีหรือบุหรี่ปลอมไม่ได้มีมากขึ้น ตามที่บริษัทฟิลลิป มอร์ริส กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กล่าวว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาติได้พยายามทุกวิถีทางในการขู่ และคัดค้านประเทศต่าง ๆ ที่จะออกกฎหมายนี้ เพราะพื้นที่บนซองบุหรี่ถือเป็นทำเลทองในการโฆษณาบุหรี่ ซึ่งบริษัทบุหรี่ทุ่มทุนมหาศาลในการใช้พื้นที่ตรงนี้ดึงดูดใจลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน ล่าสุดนางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัทบุหรี่ข้ามชาติฟิลลิป มอร์ริส ได้ลุกขึ้นมาคัดค้านการมีกฎหมายกำหนดให้ซองบุหรี่ไม่มีเครื่องหมายการค้า โดยอ้างว่ามาตรการนี้ไม่มีผลต่อการลดการสูบบุหรี่ และทำให้มีบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอมเพิ่มขึ้น รวมทั้งขู่ว่าหากประเทศไทยออกกฎหมายนี้ อาจจะถูกฟ้องร้องไปยังองค์การการค้าโลก โดยอ้างว่าขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
“ผมเข้าใจว่าคุณวราภรณ์คงพูดโดยไม่มีข้อมูล หรืออ้างข้อมูลผิด ๆ เพราะสหภาพยุโรป หรืออียูได้ประกาศว่ากฎหมายซองบุหรี่แบบไม่มีเครื่องหมายการค้า ไม่ขัดต่อกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ และสมาชิกสหภาพยุโรป 28 ประเทศ สามารถที่จะออกกฎหมายนี้ได้ ซึ่งขณะนี้ประเทศไอร์แลนด์และอังกฤษได้ผ่านกฎหมายนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับ ใช้เดือนพฤษภาคม 2559” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
นายแพทย์เจมส์ ไรลีย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขไอร์แลนด์ กล่าวในที่ประชุมนานาชาติเรื่องบุหรี่และสุขภาพ ที่กรุงอาบูดาบี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ ทั้งบริษัทฟิลลิป มอร์ริส บริษัทบีเอที และบริษัทเจทีไอ ได้ร่วมกันว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ ถึง 161 คน ในการวิ่งเต้นกับ สส. ของไอร์แลนด์ รวมถึงหนุนสมาคมชาวไร่ยาสูบ และสมาคมผู้ค้าปลีกยาสูบ ให้ออกมาคัดค้านเพื่อล้มกฎหมายนี้ โดยใช้เงินในการล็อบบี้ถึง 1.24 ล้านปอนด์ หรือกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการวิ่งเต้นล้มกฎหมายที่รุนแรงที่สุด เท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์ของประเทศไอร์แลนด์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการเสพติดบุหรี่ รัฐบาลไอร์แลนด์สามารถสู้กับอิทธิพลของบริษัทบุหรี่ได้สำเร็จ และออกกฎหมายนี้ได้เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา
ขณะนี้มีมากกว่า 10 ประเทศ ที่ประกาศว่ากำลังเสนอกฎหมายให้ใช้ซองบุหรี่แบบไม่มีเครื่องหมายการค้า ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ บูร์กินาฟาโซ โตโก นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์
ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ โทร. 0-2278-1828 / 08-1822-9799