หมอประเวศเตือนสติรัฐบาล ให้คิดถึงอนาคตของเยาวชนมากกว่าธุรกิจบุหรี่

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

Press Release

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่ 4 พฤษภาคม 2558

วันที่ข่าวตีพิมพ์  :  สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

 

 

หมอประเวศเตือนสติรัฐบาล

ให้คิดถึงอนาคตของเยาวชนมากกว่าธุรกิจบุหรี่

ศ.นพ.ประเวศ วะสี วอนรัฐบาล ต้องคิดถึงชีวิตของเยาวชนไทยของคนไทยทั้งหมด ควรจะรีบออกกฎหมายบุหรี่ที่คาอยู่หลายเดือนแล้ว อย่าให้การทำความดี การทำเพื่อเพื่อนมนุษย์มันเป็นเรื่องลำบากจนเกินไป ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำเรื่องดี ๆ ให้สังคม อย่ายัดเยียดสินค้าแห่งความตายคือบุหรี่ไปให้ลูกหลานของเรา

ศ.นพ.ประเวศ วะสี กล่าวว่า ขณะนี้ร่างกฎหมายบุหรี่รอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอยู่หลายเดือนแล้ว กฎหมายนี้มีความสำคัญมาก เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ออกมาตั้งแต่ปี 2535 มันไม่พอ ไม่ทัน สถานการณ์แล้ว บริษัทบุหรี่เขามี     กลยุทธ์ต่าง ๆ มากมายที่จะทำให้คนสูบบุหรี่มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย  เพราะว่าการสูบบุหรี่มีความเสี่ยงที่จะทำให้สุขภาพเสีย และเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย และเป็นสาเหตุของการตายที่สำคัญที่สุด สินค้าอย่างอื่น ๆ ยังมีบวกลบบ้าง แต่บุหรี่เรียกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าสูบไป ทำให้สุขภาพเสีย ทำให้เป็นมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอื่น ๆ และตายเร็ว ชัดเจนมาก เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้ว ธุรกิจบุหรี่ไม่ใช่สัมมาชีพ  สัมมาชีพเป็นอาชีพที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม

“บริษัทบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทข้ามชาติ เขาพยายามอย่างไม่ลดละเลยที่จะทำให้คนสูบบุหรี่มากขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเราทำให้คนป่วย คนตาย เป็นเรื่องที่บาปอย่างยิ่ง เพราะชีวิตคนเป็นของมีค่าเหลือเกิน การทำเพื่อกำไรของตัวเอง แต่ทำให้คนอื่นป่วย ทำให้เขาตาย มันไม่เข้าท่าเลย ผิดศีลธรรมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่บริษัทบุหรี่ก็ทำ และมุ่งแต่จะเอากำไรเป็นสำคัญ โดยไม่สนใจว่าคนจะป่วยจะตายอย่างไร  เขาทำทุกวิถีทาง ทั้งล็อบบี้ผู้คน ล็อบบี้คนที่ออกกฎหมาย  ล็อบบี้รัฐบาล ทำร้อยแปดที่จะขายให้ได้  ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้ศีลธรรมอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งหมดต้องทำความเข้าใจว่ากฎหมายฉบับนี้จะป้องกันเยาวชนจากการสูบบุหรี่ให้ลดลง  บางคนกลัวว่าจะไปกระทบกับอาชีพคนปลูกยาสูบ จากการวิจัยในทั่วโลกพบว่า มันจะไม่กระทบรุนแรง แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป   อาชีพนี้ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แล้วก็มีเวลาที่จะปรับไปเป็นอาชีพอื่นในระยะยาว” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว