โรงแรมปลอดควัน ปลอดบุหรี่ เมืองสงขลา
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
PressRelease
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 31 สิงหาคม 2558
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
โรงแรมปลอดควัน ปลอดบุหรี่ เมืองสงขลา
เปิดตัวโครงการ โรงแรมปลอดควัน ปลอดบุหรี่ เมืองสงขลา เชิญชวนนักท่องเที่ยว เที่ยวแบบธรรมชาติ พักโรงแรมสะอาดปลอดควัน ปลอดบุหรี่ เพื่อหนุนนโยบายสถานที่ปลอดบุหรี่และคุ้มครองสุขภาพของประชาชน จากกระทรวงสาธารณสุข
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับ มูลนิธิใบไม้เขียว ได้จัดการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ โรงแรมปลอดควัน ปลอดบุหรี่ เมืองสงขลาขึ้น ในวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ณ โรงแรมบุรี ศรีภู บูติค โฮเต็ล จังหวัดสงขลา โดยได้รับเกียรติจาก นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงาน
นายเอกรัฐ หลีเส็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า อำเภอหาดใหญ่ เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของภาคใต้ตอนล่าง มีแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนยามค่ำคืนควบคู่ไปกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนประมาณปีละ 8 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 50,000 ล้านบาท โดยจากผลสำรวจของ รศ.ดร.วิไลวรรณ วิริยะไชโย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่อง “ทัศนคติของนักท่องเที่ยวต่อการออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่บริเวณล็อบบี้โรงแรม” ในนักท่องเที่ยวที่มาพักในโรงแรม ระดับ 3-4 ดาว 25 แห่ง ของกรุงเทพฯ สุราษฎ์ธานี ภูเก็ต กระบี่ สงขลาทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย จำนวน 5,550 คน พบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ 80.9% เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนี้ โดย 53.4% เห็นว่าไม่มีผลกระทบเลยว่าจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยหรือไม่ ขณะที่ 38.6% ยืนยันว่า การมีกฎหมายนี้จะยิ่งทำให้อยากกลับมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
จากข้อมูลของอาจารย์อภิรดี แซ่ลิ่ม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้ร่วมสำรวจ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกือบ 90% มีทัศนะว่า ควันบุหรี่มีผลต่อสุขภาพของคนรอบข้าง และต่างสนับสนุนให้ออกกฎหมาย จำกัดพื้นที่การสูบบุหรี่ ซึ่งโรงแรมที่มีเครือข่ายมากๆ บางแห่ง ยังบอกด้วยว่า นักท่องเที่ยวถึง 92% ต้องการจะพักห้องที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ที่น่าเสียดายคือมีนักท่องเที่ยวถึง 52.1% ไม่ทราบว่าประเทศไทยมีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในร้านอาหารหรือภัตตาคารด้วย โดยงานวิจัยนี้ได้รับการคัดเลือกให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ Tobacco Control เมื่อเดือน มิ.ย.2557 ที่ผ่านมา
นายเอกรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุข กำหนดสถานที่ปลอดบุหรี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนโดยรวม ซึ่งบริเวณพื้นที่ของโรงแรม รีสอร์ต หรือสถานที่ตากอากาศ ก็ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ปลอดบุหรี่แล้ว แต่ยังไม่เห็นการบังคับใช้ที่เข้มแข็ง จังหวัดสงขลาตระหนักเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงขอสนับสนุนให้โรงแรมในจังหวัดสงขลา ดำเนินการโรงแรมปลอดบุหรี่ให้เห็นเป็นรูปธรรม เพื่อสอดรับกับการท่องเที่ยวและประโยชน์ทางด้านสุขภาพที่ผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและต่างประเทศ รวมถึงคนที่ทำงานในโรงแรมนั้นๆจะได้รับ
ด้าน นพ.ชัย กฤติยาภิชาติกุล กรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การที่โรงแรมมีนโยบายให้ปลอดบุหรี่ 100% เท่ากับเป็นการบอกกับแขกที่มาพักหรือมาใช้บริการของโรงแรมว่า ทางโรงแรมใส่ใจในสุขภาพของลูกค้าที่ไม่สูบบุหรี่ทุกคน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ความห่วงใยในสุขภาพของพนักงานซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าของโรงแรม ที่ต้องรับควันบุหรี่ทุกวัน ซึ่งโรงแรมที่ไม่ปลอดบุหรี่ ทั้งแขกและพนักงานต้องรับอันตรายจากควันบุหรี่มือสาม คือ สารพิษจากควันบุหรี่ที่ตกค้างอยู่ตาม กำแพง เพดาน ฝุ่น พรม เครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีสารก่อมะเร็งถึง 11 ชนิด โดยที่การเปิดหน้าต่าง พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศทิ้งไว้ ไม่สามารถกำจัดออกไปได้ นำมาซึ่งอันตรายต่อทั้งแขกที่มาพักหรือใช้บริการและพนักงาน อีกทั้งผู้ประกอบการยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อทำความสะอาดห้องพักมากยิ่งขึ้น ทั้งการ ซักพรม ดูดฝุ่น หรือแม้แต่ล้างแผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่ผู้ประกอบการสามารถหลีกเลี่ยงได้และมีมูลค่ามากพอที่ผู้ประกอบการควรพิจารณา
ในขณะที่ นายศิวัตน์ สุวรรณวงศ์ ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมบุรีศรีภู บูติค โฮเต็ล ซึ่งได้ประกาศตัวเป็นโรงแรมปลอดบุหรี่ 100% ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรม จังหวัดสงขลา กล่าวว่า เราตระหนักถึง ความปลอดภัยของลูกค้า และแขกที่จะมาพักในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับอากาศที่บริสุทธิ์จากโรงแรมของเราซึ่งปลอดบุหรี่ 100% ทั้งนี้ ประเทศไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามไม่แพ้ชาติใดในโลกอยู่แล้ว ฉะนั้น ไม่เพียงการบริการที่ดีเยี่ยม ที่จะสร้างชื่อให้กับโรงแรมและประเทศเราเท่านั้น ความใส่ใจในการดูแลสุขภาพของผู้มาใช้บริการโรงแรมทุกคน ก็เป็นเหตุผลที่จะทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวและมาพักกับเราอีกครั้ง
ต้องการสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณอุรพี จุลิมาศาสตร์
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร. 0-2278-1828 หรือ 08-6655-8284 อีเมล์ urapee@ashthailand.or.th
กฎหมายเขตปลอดบุหรี่ที่เกี่ยวกับ
โรงแรม/รีสอร์ท/อพาร์ทเมนต์
ปัจจุบันนี้ กฎหมายกำหนดให้ โรงแรม/รีสอร์ท/อพาร์ทเมนต์ ต้องจัดเขตปลอดบุหรี่ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2553 ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 ดังรายละเอียดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2553 ในส่วนที่เกี่ยวกับ โรงแรม/รีสอร์ท/อพาร์ทเมนต์ ดังนี้
ข้อ 2 ให้สถานที่ดังต่อไปนี้ เป็นสถานที่สาธารณะที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยกำหนดให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ทั้งหมด
(3) สถานที่สาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
(3.2) ร้านค้า สถานบริการและสถานบันเทิง
(3.2.2) สถานที่จัดเลี้ยงทั้งหมด
(3.2.4) สถานที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารและเครื่องดื่มที่มีระบบปรับอากาศ
(3.2.5) สถานที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีระบบปรับอากาศ เฉพาะบริเวณที่ให้บริการอาหาร เครื่องดื่ม หรืออาหารและเครื่องดื่ม
(3.2.8) สถานที่จำหน่าย จัดเลี้ยง จัดนิทรรศการสินค้าหรือบริการ
(3.3) บริเวณโถงพักคอย และบริเวณทางเดินทั้งหมดภายในอาคาร
(3.3.1) โรงแรม รีสอร์ท หรือสถานที่พักตากอากาศ
(3.3.2) ห้องเช่า หอพัก อพาร์ทเมนต์ คอร์ท หรือสถานที่ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน
(3.3.3) อาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม
ประกาศ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หมายเหตุ :
สภาพและลักษณะเขตปลอดบุหรี่
- ติดสัญลักษณ์เขตปลอดบุหรี่ที่เห็นชัดเจน ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ
- ไม่มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสูบบุหรี่
- ไม่มีการสูบบุหรี่
การจัดเขตสูบบุหรี่
- ต้องไม่อยู่บริเวณทางเข้า-ออก
- ต้องไม่ประเจิดประเจ้อ
- ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น
หากฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตห้ามสูบบุหรี่ มีโทษ
- ผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- เจ้าของสถานที่ที่ไม่ติดเครื่องหมายเขตปลอดบุหรี่ หรือ ติดป้ายเขตปลอดบุหรี่ไม่ถูกต้อง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- เจ้าของสถานที่ที่ไม่จัดเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท