เสนอรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่โปะคลัง

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION  ON  SMOKING  AND  HEALTH  FOUNDATION

Press Release

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่ 28 ตุลาคม 2558

วันที่ข่าวตีพิมพ์  :  สามารถเผยแพร่ได้ทันที

 

 

 

เสนอรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่โปะคลัง

เสนอรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่เพื่อหารายได้เพิ่ม  สำหรับใช้จ่ายในด้านรัฐสวัสดิการรวมทั้งการดูแลด้านสาธารณสุขให้กับประชาชนตามที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี 

ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ  เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  กล่าวว่า การขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นปีละเกินหมื่นล้านบาททันที และโดยเฉพาะสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการครองชีพ และทำลายสุขภาพอย่างยาสูบ  นอกจากจะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นทันทีปีละหลายพันล้านบาทแล้ว  การขึ้นภาษียาสูบยังเป็นมาตรการลดการสูบบุหรี่ที่ดีที่สุด  โดยเฉพาะผู้สูบบุหรี่ที่ฐานะยากจนจะสูบน้อยลง  และจำนวนหนึ่งจะหยุดสูบ รวมทั้งเยาวชนซึ่งมีกำลังซื้อน้อยจะเข้ามาติดบุหรี่น้อยลงด้วย  ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้สูบบุหรี่ที่ฐานะยากจน  เนื่องจากการที่คนจนเลิกสูบบุหรี่ได้  จะทำให้สามารถนำเงินค่าบุหรี่ไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นอื่น  ขณะที่สุขภาพดีขึ้น และเนื่องจากการขึ้นภาษีแต่ละครั้ง  ทำให้ราคาบุหรี่แพงขึ้นเพียงซองละไม่กี่บาท ผู้สูบบุหรี่ที่มีรายได้ปานกลางและสูง  ยังคงสูบบุหรี่เท่าเดิมต่อไป    อันเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น  ในอีกทางหนึ่งการที่คนสูบบุหรี่น้อยลง  ยังลดภาระที่รัฐบาลต้องเสียงบประมาณในการรักษาโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ซึ่งล้วนเป็นโรคที่ค่าใช้จ่ายการรักษาสูงทั้งสิ้นด้วย  การขึ้นภาษียาสูบจึงได้ผลดีสองต่อคือทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และชะลอการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข  ทั้งนี้การขึ้นภาษียาสูบครั้งสุดท้ายมีขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2555  มีผลทำให้รัฐเก็บภาษียาสูบได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละหกพันล้านบาทในสามปีที่ผ่านมา  จากที่เก็บได้ 57,1963  ล้านบาทในปี พ.ศ.2554  เป็นเฉลี่ยปีละ 63,865  ล้านบาทสำหรับปี 2556, 2557 และ 2558  ที่สำคัญการติดตามผลการขึ้นภาษีครั้งสุดท้ายในการที่จะลดการสูบบุหรี่ได้หมดไปแล้ว  ภายหลังการขึ้นภาษีได้เพียงหกเดือน  จากการที่ผู้สูบบุหรี่หันไปสูบบุหรี่ยี่ห้อที่ราคาถูกลง  และบริษัทบุหรี่ผลิตบุหรี่ที่มีน้ำหนักต่อมวนน้อยลง  เพื่อลดภาระภาษีที่เก็บตามน้ำหนัก  ซึ่งที่ถูกแล้วรัฐบาลควรที่จะขึ้นภาษีอีกตั้งแต่ พ.ศ.2556 แล้วด้วยซ้ำ  เพราะการทิ้งช่วงการขึ้นภาษีส่งผลเสียทั้งต่อรายได้รัฐบาลและสุขภาพของประชาชน

 

 

 

ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกได้สรุปประโยชน์ของภาษีบุหรี่ไว้สิบข้อดังนี้

  1. การขึ้นภาษีและราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่าที่สุดในการลดการ               สูบบุหรี่
  2. ราคาบุหรี่ที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีทำให้ความสามารถในการซื้อบุหรี่ลดลง ทำให้สูบน้อยลงและทำให้คุณภาพชีวิตของประชากรดีขึ้น
  3. โดยเฉลี่ยราคาบุหรี่ที่เพิ่มขึ้น 10%  จะลดการบริโภคยาสูบลง 4%  ในประเทศที่มีรายได้สูง และ 5% ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง
  4. ปริมาณการสูบบุหรี่ที่ลดลงจากการขึ้นภาษี  ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นผลจากจำนวนมวนบุหรี่ที่สูบลดลง  และอีกครึ่งหนึ่งจากการที่ผู้สูบบุหรี่ส่วนหนึ่งเลิกสูบ
  5. ผู้สูบบุหรี่ที่มีรายได้น้อยและเยาวชนจะไวต่อการขึ้นภาษี  โดยเฉพาะในเยาวชน การลดการสูบบุหรี่จะมากกว่าในผู้ใหญ่สองถึงสามเท่า
  6. นอกจากทำให้การสูบบุหรี่ลดลง และลดภาระ การเจ็บป่วยที่เกิดจากการสูบบุหรี่แล้ว  รัฐบาลยังจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากจากการขึ้นภาษี
  7. แม้การขึ้นภาษีบุหรี่จะส่งผลกระทบต่อผู้สูบบุหรี่ ที่ยากจนมากกว่า  แต่การสูบบุหรี่ที่ลดลงรวมทั้งการหยุดสูบ  ทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่ยากจนประหยัดเงินและสุขภาพดีขึ้น  ลดช่องว่างระหว่างสุขภาพของคนจนกับประชากรกลุ่มอื่น ๆ
  8. บริษัทบุหรี่พยายามให้ข้อมูลว่า การขึ้นภาษียาสูบทำให้บุหรี่หนีภาษีเพิ่มขึ้น  ข้อเท็จจริงคือแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ระหว่างความแตกต่างของระดับภาษีระหว่างประเทศและบุหรี่หนีภาษี  แต่ปัจจัยที่สำคัญกว่าที่ทำให้เกิดบุหรี่หนีภาษี  คือระบบการควบคุมบุหรี่หนีภาษี  ระดับคอรัปชั่น และการที่บริษัทบุหรี่อยู่เบื้องหลังสนับสนุนให้เกิดบุหรี่หนีภาษี
  9. ภาษีสรรพสามิตบุหรี่มีความสำคัญที่สุดในการบรรลุเป้าหมายสุขภาพที่ดีขึ้น  เนื่องจากทำให้ยาสูบมีราคาสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าอื่น
  10. ในหลาย ๆ ประเทศมีโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ซับซ้อน  เปิดโอกาสให้บริษัทบุหรี่หลีกเลี่ยงหรือหนีภาษี  ทำให้การขึ้นภาษีไม่ส่งผลในการทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น ผลคือการขึ้นภาษีไม่ลดการบริโภค และรัฐบาลไม่ได้รับเงินจากภาษีเพิ่มขึ้น  ประเทศต่าง ๆ ควรทำให้ระบบภาษีสรรพสามิตไม่ซับซ้อนเพื่อให้มาตรการทางภาษีเกิดประโยชน์สูงสุด

 

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :  ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ    โทร. 081-822-9799