หนุนคุมยาสูบแก้ปัญหายาเสพติด
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
Press Release
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2558
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที
หนุนคุมยาสูบแก้ปัญหายาเสพติด
ภาคียาสูบหนุน (ร่าง) ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่เสนอโดยพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สนช. ในขณะนี้ พร้อมเสนอให้เร่งควบคุมยาสูบเพราะบุหรี่เป็นยาเสพติดชนิดแรกที่เยาวชนใช้ ก่อนที่จะก้าวไปสู่เหล้าและยาเสพติดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ หากจะแก้ปัญหายาเสพติดต้องควบคุมยาสูบให้ได้ก่อน
นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ประธานกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้จัดประชุมวิสามัญกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานด้านการควบคุมยาสูบ ให้สอดรับและสนับสนุนให้ สนช. ผ่าน (ร่าง)ประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่เสนอโดยกระทรวงยุติธรรม
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า (ร่าง) ประมวลกฎหมายยาเสพติดนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการแก้ปัญหายาเสพติดระดับองค์รวมที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง และสนับสนุนให้รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดด้วยการเร่งรัดการควบคุมยาสูบของประเทศไทยควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากการสูบบุหรี่เป็นจุดเริ่มต้นของการติดยาเสพติดชนิดอื่นที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกับกลุ่มเด็กและเยาวชน เนื่องจากในบุหรี่มีสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ร้ายแรงที่ทำให้คนที่สูบบุหรี่ติดแล้วเลิกบุหรี่ได้ยาก
โดยสถิติพบว่าในเด็กไทย 10 คน ที่ติดบุหรี่ 7 คน จะติดไปตลอดชีวิต และการสำรวจพบว่าในเยาวชนที่สูบบุหรี่ มีสถิติการใช้ยาเสพติดอย่างอื่นมากกว่า เยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 เท่า ทั้งนี้การสำรวจล่าสุดพบว่ามีเยาวชน อายุ 15-18 ปี ติดบุหรี่ 3 แสน 5 หมื่นคน และอายุ 19-24 ปี หนึ่งล้านคน และเป็นผู้ที่ติดบุหรี่ใหม่ 2 แสนคน การป้องกันเยาวชนไม่ให้เสพติดบุหรี่ จึงมีความสำคัญมากในการลดปัญหายาเสพติด ตามเจตนารมณ์ของ (ร่าง) ประมวลกฎหมายยาเสพติด
นายพงษ์ศักดิ์ แถลงเพิ่มเติมว่า มาตรการเร่งด่วนที่เสนอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการ มีดังนี้
-
การขึ้นภาษียาสูบ เพื่อทำให้เยาวชนเข้าถึงยาสูบน้อยลง
-
สนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุขให้ผ่านออกมาเป็นกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีเสียงสนับสนุนถึง 15 ล้านคน จากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งกฎหมายใหม่มีมาตรการที่ทำให้เยาวชนเข้าถึงสินค้ายาสูบยากขึ้น เช่น การเพิ่มอายุที่จะซื้อบุหรี่ได้ จาก 18 ปี เป็น 20 ปี การห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวน และมาตรการซองบุหรี่แบบเรียบ ที่ห้ามพิมพ์ลวดลาย สีสัน หรือ โลโก้บนซองบุหรี่ เพื่อลดความเย้ายวนของซองบุหรี่ต่อเยาวชน
-
รัฐบาลควรจะเร่งรัดการให้บริการรักษาเยาวชนที่ติดบุหรี่ ด้วยการกำหนดให้ยารักษาการเลิกบุหรี่อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของประกันสุขภาพ ทั้ง 30 บาท รักษาทุกโรค ประกันสังคม และสิทธิรักษาพยาบาลของราชการ