คอลัมน์ : สารเยาวชน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ณ โรงเรียนนาหลวง กรุงเทพมหานคร นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจตระหนักรู้ ภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน จัดโดยเครือข่ายพัฒนาเยาวชนแห่งกรุงเทพมหานคร (พยก.) ร่วมกับสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “จากสถานการณ์การ สูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 สำรวจคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปจำนวน 57 ล้านคน พบว่ามีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 80,000 คน ในจำนวนนี้ มีมากกว่าครึ่งเป็นเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี สอดคล้องกับข้อมูลผลการสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนในไทย ปี 2564 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) พบนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แล้ว 13.6% ซึ่งการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้าน เช่น ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดและสมอง
โดยเด็กและเยาวชนเป็นช่วงวัยที่ร่างกายอยู่ระหว่างการเจริญเติบโตและต้องได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ซึ่งการได้รับสารนิโคตินหรือสารเคมีต่าง ๆ จากบุหรี่ไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายนั้น อาจทำให้พัฒนาการในด้านต่าง ๆ ได้รับผลกระทบและอาจเจ็บป่วยก่อนวัยอันควรอีกด้วย” “ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีนโยบายมุ่งเน้นส่งเสริมสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข) ที่ให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาสุขภาพของประชาชนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ร่างกายและจิตใจ รวมถึงการผลักดันระบบบริการสาธารณสุขที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งการผลักดันให้เกิดความรอบรู้ทางสุขภาพ (Health Literacy) ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะการไม่ส่งเสริมให้สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้านับเป็นเป้าหมายสำคัญ ที่ต้องการเริ่มต้นให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดีตั้งแต่อายุยังน้อย ตามแนวคิดป้องกันดีกว่ารักษาและกลุ่มคนเหล่านี้เองจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญ ในการพัฒนาประเทศชาติอีกด้วย”
นายณัฐกานต์ สังขดี ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายพัฒนาเยาวชนแห่งกรุงเทพมหานคร (พยก.) กล่าวว่า “กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจตระหนักรู้ภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่จัดขึ้นในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งปัจจุบันเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาหลายแห่งได้รับข้อมูลที่ไม่รอบด้าน เช่น เชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่า จึงไม่ก่อให้เกิดความอันตราย ต่อสุขภาพหรือแม้แต่บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีสารนิโคติน ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นการเร่งพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนให้เข้าถึงอย่างรวดเร็วและอายุของการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง
ข้อมูลโดย : พชรพรรษ์ ประจวบลาภ
สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย