ท้องถิ่นไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่                    

ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION

Press Release       

ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่ 12 มีนาคม 2568

วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที

ท้องถิ่นไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

วันนี้ (12 มีนาคม 2568) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  จัดเวทีอนาคตการควบคุมบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ในมือท้องถิ่นไทย เพื่อนำเสนอและต่อยอด องค์ความรู้ นโยบาย และการขับเคลื่อนงานควบคุมบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ในกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึง สร้างกระแส “ท้องถิ่นไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” เนื่องในวันท้องถิ่นไทย 18 มีนาคม ของทุกปี โดยมีตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 24 แห่ง หน่วยงานด้านการศึกษา และสื่อมวลชนท้องถิ่น เข้าร่วม

ว่าที่ร้อยตรีศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า รัฐบาลนำโดยนายกรัฐมนตรี สั่งการเร่งด่วนให้ทุกภาคส่วนจับกุมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ  ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนดำเนินการ ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่น  ทำงานตามบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างเป็นระบบ รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ทั้งหมดขับเคลื่อนพร้อมกันเพื่อสร้างและปลูกฝังค่านิยมการไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ในทุกส่วนของสังคมไทย ทั้งในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ประเทศชาติ

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า  จากการสำรวจสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2564 พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรที่อาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล คิดเป็นร้อยละ 19.0 สูงกว่าในเขตเทศบาลที่ร้อยละ 15.4 ผลกระทบของการสูบบุหรี่ในคนที่ยากจน คือ การสูญเสียรายได้ที่มีน้อยอยู่แล้ว ทำให้ขาดเงินไว้ใช้ในสิ่งจำเป็นต่อครอบครัว เช่น อาหาร การศึกษาลูก ฯลฯ การเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่ทำให้ขาดรายได้และครอบครัวยิ่งเดือดร้อน การเป็นแบบอย่างทำให้ลูกคุ้นชินกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ รวมไปถึง คนในครอบครัวได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง ที่น่าเป็นห่วงคือ การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า กำลังทำให้การแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ในประชากร ซึ่งมีแนวโน้มจะดีขึ้นต้องหยุดชะงักลง ทั้งยังระบาดหนักในกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนกับบุหรี่มวน

ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบชาติ เป็นกลไกกำหนดยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ และพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 กำหนดให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่ง เป็นกรรมการในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัด เพื่อให้ท้องถิ่นมีส่วนนำนโยบายและแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาตินั้นลงสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ นั่นเพราะบทเรียนการทำงานควบคุมยาสูบทั่วโลกสะท้อนว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับบริบท ทรัพยากร และศักยภาพของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ลดอัตราการสูบบุหรี่มีที่อยู่สูงในภูมิภาค ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังมีการพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ต้องออกมาแสดงจุดยืนว่า การกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายเหมือนปัจจุบัน ควบคู่กับการเข้มงวดในการปราบปราม บังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการขายทางออนไลน์ที่ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย เป็นแนวทางที่เกิดประโยชน์ที่สุดในการทุเลาความรุนแรงของปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทยขณะนี้

ด้าน นายจิระวัฒน์ อยู่สะบาย รองผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากผลักดันให้บรรจุการขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในแบบประเมินประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Local Performance  Assessment: LPA) ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกลไกด้านนโยบายที่สนับสนุนให้ท้องถิ่นทั่วประเทศ 7,849 แห่ง เห็นความสำคัญและเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปลอดบุหรี่ ครบทั้ง 100% ภายใต้ 8 กิจกรรม ประกอบด้วย การผลักดันนโยบาย แต่งตั้งคณะทำงาน กำหนดสถานที่สาธารณะปลอดบุหรี่ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์  การเฝ้าระวังสถานการณ์การบริโภคยาสูบ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ สนับสนุนการลด ละ เลิกบุหรี่ และการพัฒนาศักยภาพประชาชน จากข้อมูลพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานทุกกิจกรรมสูงขึ้นต่อเนื่องตลอด 3 ปี (2565-2567) ซึ่งเป้าหมายระยะถัดไป คือการหนุนเสริมให้ท้องถิ่นขับเคลื่อนเข้มแข็งยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า กำลังเป็นโจทย์         ท้าทายสำหรับทุกพื้นที่ โดยมุ่งเน้นที่การใช้กลไกท้องถิ่นในการร่วมเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแส สนับสนุนการปราบปราม สกัดกั้นบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะที่ลักลอบขายแบบมีหน้าร้าน และสร้างความตระหนักรู้ โทษ พิษภัยให้คนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ดร.ศีรสุข แสนยอดคำ รองเลขาธิการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ มีพันธกิจเรื่องการบริการสาธารณะเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินงาน และมีจุดแข็งที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิก 2,402 แห่ง จากที่มีการแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มสมาชิก ทำให้เห็นถึงสถานการณ์ความรุนแรงของปัญหาการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่จะนำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ สมาคมฯ จึงสร้างกระแสความตื่นตัวให้สมาชิกได้รับรู้ถึงสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้เทศบาลสมาชิกมีกิจกรรมเชิงรับและเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง การใช้โอกาสวาระวันท้องถิ่นไทย ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ทุกท้องถิ่นจะสามารถสอดแทรกกิจกรรมสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปได้

ดร.ปราโมทย์ อุ่นจิตสกุล นายกเทศมนตรีเมืองปากแพรก กล่าวว่า รูปธรรมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ทันที โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คือ การกำหนดนโยบาย สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการไม่สูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า การสร้างความเข้มแข็งในชุมชน การสร้างทักษะให้คนในชุมชน และการสร้างระบบบริการสุขภาพให้เข้าถึงคนที่ต้องการเลิกบุหรี่ เมื่อรัฐกระจายอำนาจมาสู่ท้องถิ่น ท้องถิ่นสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ส่งต่อสู่ประชาชนให้ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทำ ผลสำเร็จจะเกิดแก่พื้นที่ในการปกป้องเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของพื้นที่ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ  น.ส.อุรพี จุลิมาศาสตร์  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร.02-278-1828/086-655-8284