เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ

เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ

ม.อุบลฯอบรมภาคีเครือข่าย นำร่องพื้นที่เขตปลอดบุหรี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิทยาลัยแพทย ศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดการอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีร่วมใจต้านภัยบุหรี่ และโครงการนำร่องจังหวัดอุบล ราชธานีปลอดบุหรี่ โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์วัฒนา พรรณพานิช รองคณบดีฝ่ายแผนและงบประมาณเป็นประธานเปิดการอบรม ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข เมื่อเร็ว ๆ นี้

ติวแกนนำ

ญวนขึ้นภาษีบุหรี่

ปิดตำนาน! “เอริก ลอว์สัน” นายแบบโฆษณาบุหรี่ดัง

ปิดตำนาน! “เอริก ลอว์สัน” นายแบบโฆษณาบุหรี่ดัง “มาร์ลโบโร่” ตายอนาถ หลังป่วยเรื้อรังเพราะสูบหนักวันละ 3 ซอง

ได้เวลา...บอกลาสิงห์อมควัน

หนุ่มๆหลายคนหาทางออกให้กับความเครียดด้วยการสูบบุหรี่ จากเริ่มทีละมวน จนเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกวัน ซึ่งคุณอาจจะลืมคำนึงถึงว่าบุหรี่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ภายนอกอย่างกลิ่นตัว ฟันเหลือง เล็บเหลืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภายภายในที่ค่อยๆทำร้ายตัวคุณเองมากขึ้นทุกวันที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ การคลายเครียดด้วยการสูบบุหรี่จึงไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่แท้จริง เพราะฉะนั้น นี่ก็ปีใหม่แล้ว ลองมอบของขวัญดีๆให้กับตัวคุณและคนที่คุณรักด้วยการเลิกสูบบุหรี่กันดีมั้ย

เมื่อบริษัทบุหรี่ 'ปล้นกลางแดด'ประเทศลาว

นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เป็นเรื่องจริงที่เหลือเชื่อ ที่บริษัทบุหรี่เอารัดเอาเปรียบอย่างสุดสุดกับรัฐบาลประเทศลาว ข้อเท็จจริงคือ บริษัทบุหรี่ต่างชาติสองบริษัท หนึ่งคือบริษัท คอรัลมา อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศฝรั่งเศส และบริษัท เอส 3 ที แอลทีดีจากประเทศสิงคโปร์ ได้ทำสัญญากับรัฐบาลลาวเมื่อปี พ.ศ.2544 ในการร่วมลงทุนตั้งบริษัท ยาสูบลาว แอลทีดี เพื่อผลิตยาสูบจำหน่ายในลาว โดยรัฐบาลลาวถือหุ้น 47% บริษัทคอรัลมา 34% และบริษัทเอส 3 ที 19% อายุของสัญญาลงทุนนี้มีกำหนด 25 ปี โดยสิทธิประโยชน์ในการลงทุนคือ บริษัทยาสูบลาวแอลทีดีไม่ต้องเสียภาษีจากผลกำไรใน 5 ปีแรก และเสียภาษีสรรพสามิตยาสูบในอัตรา 15% ถ้าต้นทุนผลิตต่ำกว่า 1,500 กีบต่อซองที่บรรจุบุหรี่ 20 มวน แต่ถ้าต้นทุนสูงกว่า 1,500 กีบ ภาษีสรรพสามิตยาสูบจะเท่ากับ 30% ซึ่งต้นทุนการผลิตรวมถึงค่าใบยาสูบ วัสดุอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการผลิตรวมถึงแรงงานในการผลิตตลอดระยะเวลา 25 ปี ของสัญญาร่วมลงทุน

วิจัยชี้'บุหรี่'ต้นเหตุโรคมะเร็ง

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากรายงานของนายแพทย์ใหญ่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา ปี 2557 รับรองว่ามีโรค จากการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบเป็นสาเหตุสำคัญ ทั้งนี้ รายงานฉบับล่าสุดระบุโรคใหม่ๆ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดจากการสูบบุหรี่ ได้แก่ มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดวัณโรคเพิ่มขึ้น มีโอกาสเสียชีวิตจากวัณโรคเพิ่มขึ้น และทำให้วัณโรคกลับเป็นใหม่มากขึ้น

ระวัง!9โรคใหม่จากการสูบบุหรี่

รายงานของนายแพทย์ใหญ่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดรับรอง 9 โรคใหม่ที่เกิดจากการสูบบุหรี่

ภัยบุหรี่ยังเป็นต่อพลังรณรงค์ต่อต้าน 50ปีผ่านไปยอดคนป่วย-ตายยังสูงลิ่ว

อเมริกันชนยามนี้ไม่เพียงจะต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บจากคลื่นความเย็นที่เย็นยะเยือกสาหัสสากรรจ์เป็นประวัติการณ์เท่านั้น แต่กำลังตื่นตัวกับการย้อนรำลึกถึงคืนวันของการรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ที่ผ่านกาลเวลามายาวนานถึง 50 ปี

ภัยจากบุหรี่-มากกว่าที่เคยรู้

ปีนี้มี 2 รายงานเกี่ยวกับบุหรี่ ที่น่าสนใจมาก ประชาชน ทั่วโลกน่าที่จะได้รับทราบ รายงานแรกมาจาก Marie Ng และคณะในวารสารทางการแพทย์ JAMA 2014 ; 311(2) : 183-192 เรื่อง "Smoking Prevalence and Cigarette Consumption in 187 Countries, 1980-2012 " ซึ่งพบว่าความชุกของการสูบบุหรี่ทั่วโลกแต่ละวันในประชาชนที่มีอายุเกิน 15 ปี ลดลงจาก 41.2% ใน ค.ศ.1980 เป็น 31.1% ใน ค.ศ.2012 สำหรับผู้ชาย และจาก 10.6% เป็น 6.2% สำหรับผู้หญิง แต่เนื่องจากมีการเพิ่มของประชากรโลก จำนวนผู้สูบบุหรี่ต่อวัน จึงเพิ่มจาก 721 ล้านคน ใน ค.ศ.1980 เป็น 967 ล้านคน ในปี ค.ศ.2012 (เพิ่มขึ้น 41% ในชาย และ 7% ในหญิง) หรือมีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 1 ใน 7 ของประชากรทั้งโลก

สูบบุหรี่ในบ้านทำเด็กเสี่ยงติด

บุปผา ศิริรัศมี หัวหน้าโครงการติดตามผลกระทบจากนโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบ เปิดเผยข้อมูลการสำรวจพบว่า บ้านที่วัยรุ่นอาศัยอยู่มีกติกาห้ามสูบบุหรี่ในบ้านเพิ่มขึ้น จาก 27% ในปี 2548 เป็น68% ในปี 2554 ส่วนวัยรุ่นจากครอบครัวที่ห้ามสูบบุหรี่ในบ้านระบุว่าจะไม่สูบบุหรี่แน่นอนในอนาคต79% และอนาคตจะสูบแน่นอน 2%ส่วนวัยรุ่นจากครอบครัวที่บ้านไม่มีข้อห้ามในการสูบบุหรี่ในบ้านจะไม่สูบบุหรี่ในอนาคตเพียง 40% และสูบแน่นอน 9%

กำหนด 9 มาตรการ รร.ปลอดควันบุหรี่

สาเหตุใหญ่ที่ทำให้เด็กและเยาวชนทดลองสูบบุหรี่จนเสพติด มาจากพฤติกรรมอยากทดลอง และคำชักชวนจากเพื่อนๆ เพราะอยากเท่และอยากให้ดูเป็นผู้ใหญ่ โดยหารู้ไม่ว่าหากเสพติดไปแล้วก็จะเป็นจุดเริ่มต้นพัฒนาให้ทดลองยาเสพติดอื่นๆ ที่รุนแรงกว่า รวมทั้งยังสร้างโรคภัยไข้เจ็บในอนาคต และสถานที่ซึ่งเป็นจุดบ่มให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ได้ ก็ไม่พ้นโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษานั่นเอง

ขึ้นภาษีบุหรี่ช่วยได้ 200 ล้านชีวิต

นักวิทยาศาสตร์ประกาศว่า ถ้าทุกชาติทั่วโลกพร้อมใจกันขึ้นภาษีสรรพสามิตของบุหรี่ จากอัตราปัจจุบันนี้อีก 3 เท่า จะสามารถช่วยผู้คนไม่ให้เป็นมะเร็งปอดตายก่อนวัยอันควร ภายในศตวรรษนี้ ได้มากถึง 200 ล้านชีวิต

สูดดมควันบุหรี่เสี่ยงอายุสั้น 7-10 ปี

สูดดมควันบุหรี่เสี่ยงอายุสั้น 7-10 ปี "โรคมะเร็งปอด" ถือเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในโลกและในประเทศไทย โดยตัวการสำคัญอันดับหนึ่งของโรคนี้ก็หนีไม่พ้นการสูบบุหรี่ ซึ่งคนส่วนใหญ่แม้จะรู้โทษภัยของการสูบบุหรี่ว่าเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอด ในประเทศไทยก็ยังมีแนวโน้มของการสูบบุหรี่ขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่จัด 1 ซองต่อวัน หรือผู้ที่สูดดมควันบุหรี่เข้าไปมากๆ จะเสี่ยงมีอายุสั้นกว่าคนปกติถึง 7-10 ปี อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ แทรกซ้อนรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ศ.เกียรติคุณ น.พ.สว่าง แสงหิรัญวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์โรคปอด โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปอดนั้นสามารถพบได้ทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะสูบบุหรี่หรือไม่สูบก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่า มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ได้สูบบุหรี่ และไม่มีประวัติคนในครอบครัวสูบบุหรี่อยู่ด้วย ซึ่งอาจจะได้รับควันบุหรี่จากการเดินผ่าน ซึ่งถือเป็นนักสูบมือ 3 นั่นเอง โดยผู้ป่วยมะเร็งปอดประมาณร้อยละ 85-90 จะมีประวัติสูบบุหรี่ ส่วนหนึ่งของผู้ป่วยจะไม่มีประวัติการสูบบุหรี่เลยโดยเฉพาะที่พบในผู้หญิง การสูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน 30 ปีจะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็ง 20-60 เท่าในผู้ชาย และ 14-20 เท่าในผู้หญิง การสูดควันบุหรี่จากบุคคลใกล้ชิดที่สูบก็เพิ่มความเสี่ยง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่สูดเข้าไป โอกาสเสี่ยงต่อมะเร็งปอดจะลดลงหลังจากการหยุดบุหรี่ การศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า โอกาสเกิดโรคมะเร็งหลังจากหยุดบุหรี่ 5 ปี จะสูงกว่ากลุ่มไม่สูบบุหรี่ 16 เท่า หลังจากนั้นจะลดลงเหลือ 8 เท่าใน 5 ปีต่อมา และลดลงเหลือ 2 เท่าหลังหยุด 30 ปี ในอดีตผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดจะมาพบแพทย์ในระยะสุดท้ายของตัวโรค ซึ่งเป็นช่วงแสดงอาการจากการที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะต่างๆ อาการขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มะเร็งลุกลามไป หากมะเร็งกระจายไปที่สมอง ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉพาะที่ อาการชัก สับสน เดินเซ มองภาพไม่ชัดหรือเห็นภาพซ้อน เป็นต้น "มีผู้ป่วยน้อยรายที่จะมาพบแพทย์ในช่วงระยะเริ่มแรกของโรค เพราะโรคมะเร็งปอดระยะเริ่มแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใดๆ เลย อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปี หรือจากการทำเอกซเรย์ทรวงอกเนื่องจากอาการของโรคอื่น ก้อนมะเร็งที่ยังมีขนาดเล็กอาจไม่กดเบียดส่วนที่สำคัญจึงไม่ปรากฏอาการจนกว่าก้อนจะมีขนาดใหญ่" ผู้อำนวยการศูนย์โรคปอด กล่าวว่า หากเป็นมะเร็งในระยะที่ 1-2 ถือเป็นระยะเริ่มแรก การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี ถ้าผู้ป่วยได้รับการตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ก้อนมีขนาดเล็ก ไม่มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง หรืออวัยวะอื่น ในผู้ป่วยที่มีสุขภาพพื้นฐานดี ระยะฟื้นตัวหลังผ่าตัดไม่แตกต่างจากการผ่าตัดปอดที่มีสาเหตุมาจากโรคอื่น รศ.นพ.ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย แพทย์รังสีรักษา โรงพยาบาลวัฒโนสถ เสริมว่า การรักษามะเร็งปอดปัจจุบันมีการรักษาหลักคือ การผ่าตัด, การฉายรังสี, การใช้เคมีบำบัดและ/หรือยามุ่งเป้า (targeted therapy), การรักษาแบบประคับประคองอาการ การจะเลือกใช้วิธีการรักษาใดนั้นขึ้นกับระยะของโรค สภาพร่างกาย และปัญหาทางอายุรกรรมของผู้ป่วย ส่วนใหญ่การรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดมักจะต้องใช้การรักษาแบบผสมผสานร่วมกันหลายวิธี เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด และผู้ป่วยสามารถอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในที่นี้จะกล่าวถึงการใช้รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งปอด ว่ามีข้อบ่งชี้และความ ก้าวหน้าพัฒนาการด้านรังสีรักษา การรักษามะเร็งปอดระยะที่ 1 และระยะที่ 2 การรักษาหลักคือการผ่าตัด แต่ สำหรับในผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีภาวะไม่เหมาะ สมต่อการทำผ่าตัดจะเลือกใช้การรักษาด้วยรังสี รักษา มะเร็งปอดในระยะที่ 3 ถ้าสามารถ ผ่าตัดได้จะใช้การผ่าตัด และตามด้วยการให้เคมีบำบัด และ/หรือร่วมกับการฉายรังสี สำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดไม่ได้จะใช้วิธีการรักษาด้วยการฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด มะเร็งปอดระยะที่ 4 คือ ระยะที่มีโรคแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นแล้ว การรักษาหลักคือ การใช้เคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้าร่วมกับการรักษาแบบประคับประคอง รังสีรักษาจะมีบทบาทช่วยบรรเทาอาการทุกข์ทรมาน เช่น อาการปวดจากมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูก เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น เทคนิคการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งปอด แต่เดิมการฉายรังสีมะเร็งปอดใช้วิธีการฉายรังสีแบบ 2 มิติ ซึ่งแม้ว่าจะสามารถควบคุมโรคได้ แต่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่อเนื้อเยื่อ หรืออวัยวะปกติข้างเคียงสูง ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอาจไม่ดีมากนัก ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีของการสร้างภาพที่ก้าวหน้ามากขึ้น เช่น การใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan), การใช้เพท-ซีทีสแกน (PETCT Scan) ทำให้สามารถบอกตำแหน่งรอยโรคได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น สามารถสร้างภาพเป็นระบบ 3 มิติ ประกอบกับเครื่องมือฉายรังสีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ร่วมกับพัฒนาการด้านการวางแผนการรักษาทางรังสีด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้ทำการรักษาด้วยรังสีเจาะจงเฉพาะตำแหน่งเป้าหมายที่ต้องการรักษา และหลีกเลี่ยงให้รังสีกระทบต่ออวัยวะปกติรอบข้างให้น้อยที่สุด แต่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะ 3-4 แพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดและ/หรือยามุ่งเป้า เป็นการรักษาโดยการให้ยาเพื่อทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ใช้ร่วมกับรังสีรักษาเพื่อควบคุมโรคให้ดีขึ้น หรือใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคแพร่กระจายแล้ว สามารถเพิ่มระยะเวลาที่มีชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย อย่างไรก็ตาม ศ.เกียรติคุณ น.พ.สว่าง แนะว่า ปัจจุบันมีวิทยาการอันทันสมัยที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอด อย่ามัวตกใจหรือเครียดจนกินไมได้นอนไม่หลับ เพราะมีแต่จะซ้ำเติมอาการให้แย่ลง ควรศึกษาหาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

สธ.แก้กม.คุม'บารากู่'เสี่ยงมะเร็ง-ดูดควันเท่าบุหรี่100มวน

สธ.แก้กม.คุม'บารากู่'เสี่ยงมะเร็ง-ดูดควันเท่าบุหรี่100มวน สาธารณสุข : โจ๋ฮิตสูบบารากู่เสี่ยงระดับคาร์บอนมอนนอกไซด์สูง พ่วงสารก่อมะเร็ง องค์การอนามัยโลกระบุสูดควันเท่าสูบบุหรี่ 100 มวน สธ.แก้ กม.ยาสูบเพิ่มควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มีนิโคติน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงการรณรงค์โรค ถุงลมโป่งพองโลก (World COPD Day) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 20 พ.ย.ว่า โรคถุงลมโป่งพองหรือโรคซีโอพีดี (COPD : Chronic Obstructive Pulmonary Disease) เกิดจากการสูดหายใจเอามลพิษ ในรูปของก๊าซหรือฝุ่น ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีผู้ป่วยทั่วโลกเป็นโรคนี้กว่า 80 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 3 ล้านคน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 รองจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคเส้นเลือดในสมอง คาดว่าในอีก 7 ปี หรือในปี 2563 จำนวน ผู้ป่วยจะเพิ่มอีกร้อยละ 30 "ที่น่าห่วงขณะนี้พบว่าวัยรุ่นไทยหันมาสูบบารากู่กันอย่างแพร่หลาย ส่วนใหญ่เข้าใจว่าไม่มีอันตรายหรือมีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ซิกาแรต เนื่องจากเป็นการเผาไหม้กากผลไม้ ควันมีกลิ่นหอม และควันผ่านกระเปาะน้ำก่อนสูดเข้าสู่ร่าง-กาย แต่จริงๆแล้วข้อมูลขององค์การอนามัย โลกระบุว่า ควันที่ผ่านน้ำลงไปยังคงมีสาร พิษในระดับสูงทั้งคาร์บอนมอนอกไซด์ โลหะหนัก และสารเคมีที่ก่อให้เกิดมะเร็ง การสูบบารากู่แต่ละครั้งมักจะใช้เวลาสูบนาน ผู้สูบอาจสูดควันมากกว่าผู้สูบบุหรี่ทั่วไปถึง 100 มวน" นพ.โสภณกล่าว นพ.โสภณกล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบฉบับ ใหม่ และเพิ่มการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่มีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ โดยผ่าน ขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้ว อยู่ระหว่างการปรับแก้ข้อความ ตามข้อคิดเห็นของประชาชน คาดว่าจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรได้ในปี 2557

ไม่สูบบุหรี่ลดการกำเริบเด็กเป็นหืด

ไม่สูบบุหรี่ลดการกำเริบเด็กเป็นหืด

แจ้งจับบริษัทหลอกขายบุหรี่ปลอม

แจ้งจับบริษัทหลอกขายบุหรี่ปลอม

ทัพเรือภาคที่3สนธิกำลังร่วมศุลกากร!จับบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ในทะเลอันดามัน

ทัพเรือภาคที่3สนธิกำลังร่วมศุลกากร!จับบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ในทะเลอันดามัน

สธ.เผยไทยป่วยถุงลมปอดโป่งพอง กว่าร้อยละ90เกิดจากการสูบบุหรี่

สธ.เผยไทยป่วยถุงลมปอดโป่งพอง กว่าร้อยละ90เกิดจากการสูบบุหรี่ นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคถุงลมปอดโป่งพองหรือโรคซีโอพีดี (COPD : Chronic Obstructive Pulmonary Disease) เกิดจากการสูดหายใจเอามลพิษในรูปของก๊าซหรือฝุ่น เช่น ควันบุหรี่ และควันจากการเผาไหม้เข้าไป สารพิษจากควันดังกล่าวจะไปทำลายระบบทางเดินหายใจ ทำให้เนื้อเยื่อปอดเสื่อมสภาพ เกิดอาการอักเสบ เป็นโรคที่มีความทุกข์ทรมานและรุนแรงมากที่สุด มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อเป็นโรคแล้วจะรักษาไม่หายขาด มีอาการคือหายใจยากลำบาก หอบง่าย ไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก องค์การอนามัยโลกระบุว่ามีผู้ป่วยทั่วโลกเป็นโรคนี้กว่า 80 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 3 ล้านคน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 4 รองจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคเส้นเลือดในสมอง คาดว่าในอีก 7 ปี หรือในปี 2563 จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มอีกร้อยละ 30 ส่วนประเทศไทย สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานมีผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และถุงลมปอดโป่งพองเข้ารับการรักษาที่ผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลทุกระดับของกระทรวงสาธารณสุข จาก 46 จังหวัด ระหว่างปี 2550-2554 จำนวนสะสม 99,433 คน สาเหตุร้อยละ 90 เกิดมาจากการสูบบุหรี่ และ ที่น่าสังเกตพบว่าผู้ป่วยมีอายุน้อยกว่า 40 ปี จำนวนเกือบ 5,000 คน จึงกล่าวได้ว่าผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเป็นโรคถุงลมโป่งพองได้ทุกคน ช้าหรือเร็วขึ้นกับจำนวน ระยะเวลาของการสูบบุหรี่ ในการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นยุทธศาสตร์ 3 ลด 3 เพิ่ม ในปี 2555 ถึง 2557 โดย 3 ลดประกอบด้วย 1.ลดนักสูบรายใหม่ 2.ลดนักสูบรายเก่าในเขตชนบท โดยเฉพาะผู้สูบยาเส้น 3.ลดควันบุหรี่มือสองในที่ทำงาน ที่สาธารณะ และบ้าน ส่วน 3 เพิ่มได้แก่1.เพิ่มกลไกการป้องกันอุตสาหกรรมยาสูบแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบของรัฐ 2.เพิ่มผู้ขับเคลื่อนการควบคุมยาสูบในระดับพื้นที่ จังหวัด และท้องถิ่น และ 3.เพิ่มนวัตกรรมการควบคุมยาสูบ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ หมายเลข 1600